Ta Phin โบสถ์ที่ถูกทิ้งร้าง

Travel Sapa,Travel Vietnam,Northern Vietnam,Abandoned Church,โบสถ์ร้าง,เที่ยวซาปา,Ta Phin,Red Dao village,Remind me later traveling

REMINDING ME: Ta Phin,Sa Pa,Lao Cai, Vietnam

โบสถ์คาทอลิกของฝรั่งเศสในสมัยพศ.2485 ที่หมู่บ้าน Ta Phin (ในหน้าที่มีการทำนาหมู่บ้านนี้จะมีนาขั้นบันไดที่สวยงามมาก) ตั้งห่างจากตัวเมืองซาปาของเวียดนามไปประมาณ 10 กม. เป็นสถานที่ที่เคยถูกใช้งานจริงหลังจากสร้างเสร็จเพียงแค่สามปี หลังจากนั้นโบสถ์สำนักชีแห่งนี้ก็ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในสงครามโลกครั้งที่2 และก็ได้ถูกไฟไหม้ทำให้เหลือเพียงซากทิ้งรกร้างตรงเนินเขาใกล้ถึงทางเข้าหมู่บ้าน

หากจะว่าไปความสวยงามของงานสถาปัตยกรรมที่เป็นรายละเอียดนั้นคงไม่มีหลงเหลือให้เห็น แต่หากความงดงามของธรรมชาติที่ทวงคืนคืบคลานสถานที่ดังกล่าวนั้นต่างหาก ที่เป็นสเนห์ถึงดูดให้ผู้คนมายังสถานที่แห่งนี้ เพราะหากไม่ใช่ฤดูเพาะปลูก พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านจะดูแห้งแล้ง การจัดสร้างภูมิทัศน์ก็ไม่ได้ทำออกมาให้ลงตัวเหมือนหมู่บ้าน Cat Cat ดังนั้นถ้ำเล็กๆที่ท้ายหมู่บ้านหรือตลาดอันหงอยเหงาๆหรือบ้านเรือนที่ปลูกสร้างแบบสมัยใหม่ ย่อมจะไม่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาที่นี่ได้อย่างแน่นอน

การจัดสรรสถานที่ยังงงๆไร้รูปแบบ มันตามมาด้วยความสกปรกที่เกิดจากนักท่องเที่ยว ภายในมีขยะมูลฝอย ห่อขนม และอื่นๆอีกมายมายกระจายปลิวไปทั่วอย่างน่าสลดหดหู่

สีสันของมอสที่ขึ้นใหม่ปะปนกับบางส่วนที่แห้งตาย หรือว่าจะเป็นต้นไม้ตระกูลไทรที่แผ่รากหุ้มตึกที่เริ่มกระเทาะให้เห็นชั้นวัสดุต่างๆของการก่อสร้าง สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างทัศนะอันมหัศจรรย์ให้กับผู้ที่ได้มาเยือนได้แทบทั้งสิ้น

หากขับเลยไปเข้าไปที่ท้ายหมู่บ้านจะพบกับถ้ำที่ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ และจะมีเด็กๆที่จะคอยเป็นไกด์ในการพาเที่ยวชมพร้อมขายของที่ระลึก นับว่าเป็นประสบการณ์ที่สร้างความอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่ต้องโดนรุมล้อมด้วยเด็กๆกว่า 10 คนที่พูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วและเสนอสินค้าพร้อมทั้งบริการที่เราไม่ได้ต้องการ

แต่ถ้าใครอยากซื้อหาสินค้าจำพวกกระเป๋า, ผ้าพันคอ, กระเป๋า, กระโปรงและแม้กระทั่งกระเป๋าเป้สะพายหลังและเสื้อโค้ท ที่นี่ก็เป็นอีกแหล่งผลิต จัดจำหน่ายผ้าปักสำหรับร้านค้าในกรุงฮานอยและเมืองโฮจิมินห์และยังมีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆอีกด้วย

ที่นี่นับเป็นทางเลือกในการมาเยี่ยมชมหมู่บ้าน นาขันบันได ในแบบทางเลือก เพราะบางคนก็รู้สึกอึดอัดกับจำนวนนักท่องเที่ยวในหมู่บ้าน Cat Cat และบริเวณรอบๆ แต่เรามาในหน้าหนาวเดือนมกราคม พื้นที่สว่นใหญ่จึงแห้งแล้ง ไร้การเพาะปลูก ถ้าได้มาถูกฤดูกาลคงรื่นรมย์กับหมู่บ้านได้มากกว่านี้

Sapa,Lao Cai,Vietnam,Northern Vietnam,Abandoned Church,โบสถ์ร้าง,ซาปา,Ta Phin,Red Dao village — ภายในถ้ำที่ไม่ลึกและใหญ่และโดยส่วนตัวไม่ค่อยจะมีอะไรสักเท่าไหร่

REMINDING YOU

การเดินทาง

Hanoi – Sa Pa รถโดยสารแบบนอนของเอกชนมีบริการที่ส่วนใหญ่จะออกเดินทางจากแถวเขตเมืองเก่า Old Quarter ใช้เวลาการเดินทาง 5-6 ชั่วโมง ด้านล่างคือลิ้งค์ในการจองล่วงหน้า

https://sapaexpress.com/en

https://www.viator.com/tours/Hanoi/Hanoi-to-Sapa-Daily-Shuttle-Bus-Service/d351-32652P7

การเดินทางมาที่นี่สามารถหารถแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างพามาก็ได้ หลายคนเลือกที่จะให้รถมาส่งแล้วเดินกลับเข้าเมือง ซึ่งในหน้าที่มีการทำนาที่นี่ก็สวยงามไปด้วยนาขั้นบันได แต่ถ้าใครไม่อยากเดินกลับห้ามเรียกรถแบบไปอย่างเดียวนะครับ เพราะที่นี่หารถกลับได้ยากไม่เหมือนหมู่บ้าน Cat Cat

แผนที่

https://goo.gl/maps/kWFdMCat3Vp

ค่าธรรมเนียม

20,000 VND.

มกราคม 20, 2018กันยายน 7, 2018

Hoang A Tong Palace พระราชวังกษัตริย์ม้งแห่ง Bac Ha

Bac Ha,Travel Vietnam,Northern Vietnam,H’mong palace,พระราชวังกษัตริย์ม้ง,Hoang A Tong palace,Remind me later traveling,เที่ยวเวียดนาม

REMINDING ME: Bac Ha, Lao Cai, Vietnam

พระราชวังกษัตริย์ม้ง ในเมืองบั๊กฮา Bac Ha จะเป็นคฤหาสน์ที่เป็นเสมือนวังเก่า Hoang A Tong Palace ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมือง เคยเป็นบ้านที่สุดอลังการงานสร้างในภูมิภาคนี้

พระราชวังแห่งกษัตริย์ม้ง แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบจีนผสมยุโรปโดยมีรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบปิด มีพื้นที่โล่งตรงกลางโดยมีระเบียงล้อมรอบ เจ้าของคือพ่อและลูกชาย Hoang Yen Chao และ Hoang A Tong เป็นคนชาติพันธุ์ตัยที่ปกครองดินแดนที่มีประชากรกว่า 70% เป็นชาวม้งและมีการสถาปนาให้เป็นกษัตริย์ของดินแดนนี้ (White highland)(ดินแดนแห่งดอกพลัมสีขาว)

ก่อนปี 1945 Bac Ha ใช้ระบอบการปกครองของการรวมเผ่าพันธุ์ชาวภูเขาในรูปแบบกึ่งระบบศักดินาผสมกับแบบอาณานิคมโดยมีชนชั้นปกครอง โดยมีการสนับสนุนจากพวกฝรั่งเศส พ่อและลูกชายHoàng Yen Chao – Hoang Totong ขูดรีดคนที่อยู่ในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์บังคับใช้ผู้คนเยี่ยงทาสและต้องถวายเครื่องบรรณาการ รวมทั้งค่าส่วยต่างๆ พวกเขายังผูกขาดการค้าเกลือและสินค้าอุปโภคบริโภค ยาเสพติด(ฝิ่น)และทรัพยากรจากป่าเพื่อส่งต่อให้กับชาวฝรั่งเศสและพวกกองทัพจึงทำครอบครัวนี้ทรงพลังและร่ำรวยที่สุดในขณะนั้น

พระราชวังสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2457 และเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีพศ. 2464 เป็นที่เชื่อกันว่าพระราชวังได้รับการตั้งชื่อตามลูกชายคนนึงอันเป็นที่รักของพ่อ เป็นที่เชื่อกันว่าเมื่อตอนที่เขายังเยาว์วัยเขามีความเฉลียวฉลาดกว่าบรรดาพี่น้องทั้ง 7 คนจากภรรยาที่มีด้วยกันถึง 3 คน

พระราชวังมีสองชั้นเนื้อที่ทั้งหมด 420 ตารางเมตร ประตูมีโค้ง ทางเดินโดยรอบ ห้องกลางทั้งสองชั้นใช้เป็นที่จัดประชุม ด้านหลักตกแต่งด้วยลวดลายที่ประณีต ด้านขวาและซ้ายเป็นทระเบียงทางเดินคู่ขนาน พื้นที่ทั้งหมดของคฤหาสน์นี้มีขนาดถึง 4,000 ตารางเมตร

นี่เป็นเรื่องราวของสถานที่นี้แบบย่อๆจากป้ายภายในอาคาร แปลผิดถูกประการใดขออภัยด้วยนะครับ เพราะการทราบประวัติและเรื่องราวมันทำให้การเยื่อมชมสถานที่แห่งนี้รู้สึกพิเศษปนหดหู่ขนลุกพีลึกดี เมื่อก่อนเรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนจนที่นี่เคยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นวังอันลึกลับแห่งดินแดนภูเขาสูงกันเลยทีเดียว