REMINDING ME: Myitkyina, Kachin state, Myanmar
มิตจีนา รัฐคะฉิ่น หรือ มยิจีนา มีความหมายว่า “ใกล้แม่น้ำใหญ่”
ต้นกำเนิดแม่น้ำอิรวดี เริ่มจากจุดที่บรรจบกันของ แม่น้ำมะลิขา และ แม่น้ำเมขา ตรงนี้เรียกว่า มยิโซน (Myitsone) ห่างจากตัวเมือง มิตจีนา ไปทางเหนือประมาณ 45 กม. จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ไม่ต้องขอใบอนุญาตพิเศษ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้อย่างปลอดภัย ชาวต่างชาติไม่ต้องถ่ายสำเนาพาสสปอร์ตทิ้งไว้ให้เจ้าหน้าที่เหมือนอย่างเคย ทางเหนือขึ้นไปยังมีความไม่สงบของกลุ่มองค์การเอกราชคะฉิ่น (KIA) หากจะเดินทางไปเมืองอื่นๆด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใบอนุญาตพิเศษยังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้
สถานที่เที่ยวมิตจีนา
อันที่จริงที่นี่ไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมสำหรับชาวต่างชาติซักเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้มางานเทศกาลมะเนา เพราะจะมีที่เที่ยวเพียงแค่วัดซูตองปเยเซดีดอ (Hsu Taung Pye Zedidaw) ตลาด มโยมา (Myo Ma) และตลาดสดข้างหน้าในยามบ่ายที่แสนจะคึกคัก ในส่วนของพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมคะฉิ่นที่แสนหดหู่สำหรับเรา (เพราะแทบจะไม่มีอะไรให้ดูซักเท่าไหร่) กับที่สุดท้ายคือวัดฮินดูที่อยู่ริมน้ำ
ส่วนมากนักเดินทางจะมาที่นี่เพื่อล่องลงไปทางใต้(เป็นเส้นทางเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเองได้) เพื่อมาที่ทะเลสาบอินดอจีและไปต่อที่เมืองกะตา (Katha ฉากหลังนวนิยายเรื่อง Burmese days (พม่ารำลึก)โดย George Orwell)
ตลาดในมิตจินาที่จะเริ่มตั้งแผงกันตอนบ่ายแก่ๆไปจนถึงเย็น ดูคึกคักและมีสีสันมาก ช่วงเริ่มตั้งแผงจะวุ่นวายเป็นพิเศษ ทั้งรถทั้งคนที่พยายามใช้พื้นที่เดียวกันตัดกันไปมาวุ่นวายดีแท้ หากหลีกเลี่ยงได้ก็ไม่ควรไปในช่วงดังกล่าว เพราะจะต้องคอยหลบหลีกและเห็นผู้คนต่างวิวาทกันอยู่เนืองๆไปตลอดทาง
มิตจินาไกลมากสำหรับเราแต่ใกล้จีนมากด้วยเช่นกัน จึงทำให้บ้านเมืองส่วนใหญ่สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย มีการพัฒนาทุกภาคส่วนค่อนข้างดี มีความเจริญอยู่มากกว่าที่คิดเอาไว้ ด้วยความที่กลุ่มชาติพันธ์ุคะฉิ่นมีการกระจายอยู่ในเขตแดนประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน จึงทำให้ให้มีการพัตนาติดต่อค้าขายกันเป็นระบบในวงกว้าง เป็นเมืองที่ผู้คนมาติดต่อธุรกิจกันเสียมากกว่านักแสวงบุญ จึงทำให้ความน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับนักเดินทางค่อนข้างน้อยกว่าเมืองอื่นๆที่เคยไปมา
ในช่วงเช้าเราใช้ google map เพื่อเดินไปยัง มะเนา พาร์ค แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ได้พาเราไปคนละทิศคนละทาง จนต้องถามคุณป้าที่หน้าวัดแห่งนึง เมื่อแกเห็นรูปที่เราโชว์ในโทรศัพท์ก็แสดงอาการตกอกตกใจ เพราะเราคงหลงมาไกลเอามากๆ หลังจากป้าแกก็เรียกลุงที่อยู่ในบ้านให้เอามอเตอร์ไซค์ขี่ไปส่งเราโดยที่ไม่ได้คิดค่ารถแต่อย่างใด น้ำใจของคนแถวนี้ทำให้เราซาบซึ้งได้ไม่แพ้ผู้คนจากภูมิภาคอื่นๆเลย นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำไมเราถึงหลงรักประเทศนี้ได้อย่างหัวปักหัวปำได้ขนาดนี้^^
เทศกาลมะเนา ที่เมืองมิตจีนา รัฐคะะฉิ่น ประเทศพม่า
ปีนี้เทศกาลจะเริ่มวันที่ 10 -12 มกราคม (บางปีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 หากใครอยากมาร่วมงานให้คงวันที่ 10 เอาไว้ เพราะนับเป็นวันชาติของกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่น)
ถึงแม้จะเป็นการซ้อมใหญ่ของเทศกาลมะเนา เพื่อวันงานจริงในวันที่ 10 มกราคม แต่หลายคนที่มาร่วมซ้อมก็ใส่เสื้อผ้ามากันอย่างเต็มยศ แม้เครื่องเสียงจะติดๆดับๆแต่เหล่านักดนตรีและนักร้องก็ยังส่งส่งเสียงเพลง”การร่ายรำแห่งสรวงสวรรค์”กันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น หากจะดูกันอย่างผิวเผิน ด้วยท่วงท่าที่ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากซับซ้อน แต่การเคลื่อนขบวนจากเส้นตรงให้เป็นขดวงแล้วคลายออกจนมาบรรจบกันกับอีกฝั่งนึง อันมีการเคลื่อนที่เหมือนกันให้พอดีทันกันนับเป็นเรื่องที่ยากมาก ท่าทางที่สะบัดสะบิ้งของพวกผู้หญิงก็ดูร่าเริงทะมัดทะแมงสนุกสนาน การขยับลีลาของผู้ชายก็เป็นเอกลักษณ์และดูน่ารักดีถึงแม้ในมือจะถืออาวุธกันก็ตามที
การเต้นมะเนา นั้นถือว่าเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นเอกลักษณ์ของชนชาติคะฉิ่นที่สืบทอดกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ (เคยถูกห้ามจัดงานตั้งแต่ปี 2015 เนื่องด้วยเหตุความวุ่นวายทางการเมือง ที่เมืองมิตจินา) ในอดีตนั้น จัดงานขึ้นเพื่อถวายสักการะแด่ นัต (ผี) มะได และจัน ที่มีอำนาจดลบันดาลให้เกิดความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง แต่ในปัจจุบันที่ผู้คนหันมานับถือศาสนาคริสกัน จึงทำให้เป็นการสรรเสริญพระเป็นเจ้ามากกว่า และที่สำคัญเหนืออื่นใดนั่นคือการแสดงพลังสามัคคีในหมู่ชาวคะฉิ่นที่ต่างโหยหาสันติภาพ หลังจากอดีตที่ต้องจมอยู่แต่กับการต่อสู้ ความหวังที่จะให้อาวุธของชายหนุ่มในมือ มีไว้เพียงเสมือนเครื่องประดับแต่งกายชิ้นหนึ่ง หาต้องมาฟาดฟันกับอริศัตรูอีกต่อไป หรือผ้าสีขาวที่หญิงสาวแกว่งไกวก็ดุจดั่งเรียกร้องความสงบสุข สลัดความเศร้าโศกให้โปรยปลิวไปในท่วงท่าทราเริงร่าตอนเต้นรำ
จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ เราเห็นสีหน้าของผู้คนที่ที่มาร่วมงานต่างยิ้มแย้มหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน นี่ก็นับเป็นเทศกาลที่สะท้อนช่วงเวลาดีๆของชาวคะฉิ่น ที่ทำให้ผู้คนต่างถิ่นก็มีความสุขตามไปด้วยได้เช่นกัน
REMINDING YOU
การเดินทางโดยเครื่องบิน
สามารถเดินทางมามัณฑะเลย์หรือย่างกุ้งได้ (จากย่างกุ้งจะใช้เวลา 4 ชั่วโมง หยุดแวะที่มัณฑะเลย์กับบามอ (Bhamo) ราคา 140 ดอลลาร์สหรัฐ
การเดินทางโดยรถไฟ
จากมัณฑะเลย์ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 4150-11,350 Kyat
การเดินทางโดยทั่วไปในเมือง
ส่วนใหญ่จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่พ่วงท้ายเหมือนสองแถว และมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จะอยู่แถวตลาดกับหน้าสถานีรถไฟ ค่าโดยสารขึ้นอยู่กับระยะทาง หากเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง จะอยู่ที่ 5000 Kyat และไป มยิโซน (Myitsone) จะอยู่ที่ 25000 – 60000 ขึ้นอยู่กับชนิดของรถ มีจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ให้เช่าที่ร้านอาหาร Orient ใกล้ๆ YMCA แต่พื้นที่ท่องเที่ยวในเมืองสามารถเดินถึงกันได้หมดรวมถึงสถานีรถไฟด้วย