เส้นทางการเดินทาง เที่ยวพม่าเมืองรอง 12 วัน
ย่างกุ้ง – ซิตตเว – มรัคอู– มาเกว – พุกาม – ปินตะยา – กะลอว์ – ยองชเว(ทะเลสาบอินเล)
หลังจากที่กลับมาจากพม่าในทริปแรก ต้องยอมรับเลยว่าคิดถึงการได้ไปเที่ยวที่นั่นเหมือนอย่างกับจากคนรักมายังไงหยั่งงั้น หลังจากหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็เก็บกระเป๋าเดินทางมาที่นี่อีกครั้งในทันที การตัดสินใจ เที่ยวพม่าเมืองรอง ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่น่าขบคิด เพราะความประทับใจจากการเดินทางที่เห็นอะไรที่ตระการตาจากเที่ยวที่หลักๆไปแล้วนั้น จะยังคงสร้างความรู้สึกที่พิเศษในครั้งต่อมาได้อยู่อีกหรือไม่…
จะว่าไปประเทศพม่ามีความอึนอวนในการบรรยายความชื่นชอบได้อย่างยากลำบาก ความสวยงามในหลายๆที่ไม่สามารถใช้สายตาเพียงอย่างเดียวได้ในการตัดสิน เรื่องราวตำนานความเป็นมาและกาลเวลาที่ขังหมักบ่มทุกอย่างเอาไว้ ทำให้อรรถรสทางความรู้สึก ที่รวมๆกันก่อให้เกิดบรรยากาศอันแสนพิเศษไม่เหมือนใคร แทบที่จะเปรียบเทียบได้กับความศรัทธาในศาสนาหรือความรักได้กันเลยทีเดียว
DAY 1 : กรุงเทพ – ย่างกุ้ง (เครื่องบิน)
ในคราวนี้เราเลือกพักโรงแรมแถวเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งก็สะดวกในการเดินเท้าในขากลับของช่วงค่ำ การมาในครั้งนี้เราก็เลือกไปในที่ที่เราชื่นชอบเพราะมีเวลาอยู่ในเมืองแค่ช่วงครึ่งวันหลัง จึงได้ไปแค่เจดีย์โบตะตาว(ที่มีเทพทันใจ) และมานมัสการเจดีย์ชเวดากองในช่วงเย็นเพียงเท่านั้น การเยี่ยมชมนมัสการให้ครบทั้ง 14 จุดสำคัญต้องใช้เวลา รวมทั้งการมาที่นี่ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรก ก็ยังสามารถสร้างความประทับใจได้อย่างเสมอมา
DAY 2 : ย่างกุ้ง – ซิตตเว (เครื่องบิน) – มรัคอู
ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ในช่วงที่การจราจรยังไม่ติดขัดมากมายังสนามบิน แต่ทว่าก็ต้องนั่งรออยู่หลายชั่วโมงกับความล่าช้าของทางสายการบิน จึงทำให้มาถึงเมืองชิตตเวเอาเกือบบ่ายสองโมง เลยทำให้ไปไม่ทันเรือตอนช่วงเที่ยงวันได้ จำต้องนั่งรถตู้โดยสารแทน กว่าจะถึงเมืองมรัคอูก็มืดค่ำหมดไปอีกหนึ่งวัน
เราเลือกที่จะไม่พักที่ตัวเมืองชิตตเวเนื่องด้วยราคาค่าที่พักค่อนข้างแพง บวกกับเหตุการณ์ที่ไม่สงบอันเกี่ยวเนื่องจากปัญหาการเมืองภายใน (หลังจากที่เรากลับมาก็มีการวางระเบิดบ้านพักเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล) แต่ทว่าเมืองที่มีปัญหาอย่างหนักหน่วงและทางการไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปได้อย่างเมืองหม่องด่อ บูตีด่องและระตีด่อง ก็อยู่ค่อนข้างห่างไกลไปทางตอนเหนือของรัฐ (เขตชายแดนมายู)
DAY 3 : มรัคอู
ในแผนการเที่ยวที่นี่ เราจะพยายามประหยัดเงินด้วยการเที่ยวโดยใช้ไกด์และยานพาหนะเพียงครึ่งวัน ส่วนในช่วงครึ่งบ่ายเราก็จะเดินเที่ยวกันเอง ในวันนี้เราไปที่ (หมู่บ้าน Pan Paung) บริเวณชายขอบของรัฐยะไข่ อยู่ห่างจากมรัคอูโดยทางเรือประมาณสองชัวโมงกว่า จะมีหญิงชราชาวชินที่สักใบหน้า คุณยายหลายคนเป็นเหมือนดาราดัง เพราะหากเราค้นภาพทางอินเตอร์เน็ตเราก็จะรู้สึกคุ้นเคยเมื่อได้มาเห็นตัวจริงของท่านทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทำให้ประทับใจที่นี่กลับเป็นขั้วตรงข้ามของหญิงชรา นั่นก็คือเด็กๆในหมู่บ้าน ที่ทั้งน่ารัก สดใส ทำให้ชื่นใจเป็นที่สุด
ขากลับเราแวะกันที่วัดพระเก้าหมื่น โกตองพญา ภาพถ่ายของที่นี่เป็นแรงจูงใจให้เราอยากมาที่มรัคอู ซึ่งก็ไม่น่าผิดหวังแต่อย่างใด เว้นเสียแต่ถนนที่กำลังตัดใหม่ สร้างประชิดติดฐานวัด อันสร้างความงงงวยให้กับผู้พบเห็น ชาวบ้านท้องถิ่นก็ส่ายหน้ารู้สึกไม่ต่างอะไรกับเรา
ในช่วงบ่ายแก่ๆเราก็สำรวจเดินเที่ยววัดแถวๆในเมือง รวมทั้งเล็งหาที่ในการดูพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งที่นี่จะมีอยู่สองสามแห่งกระจายตามจุดต่างๆ หลังจากที่เยี่ยมชมวัดพระแปดหมื่น หรือ ซิตตองพญา เราจึงเดินเลาะไปทางภูเขาด้านหลัง ซึ่งตรงนั้นจะมีเนินเล็กๆสองจุดที่นักท่องเที่ยวจะมาชมพระอาทิตย์ตกกัน ความสวยงามอลังการของที่นี่คงไม่เท่ากับพุกาม แต่ความบ้านๆที่ใสซื่อในบรรยากาศที่มีควันฟืนจากการหุงหาอาหารนั้นกลับทำให้ที่นี่พิเศษดูอบอุ่น หลังจากที่เริ่มมืดแล้วเราก็เดินเลาะอ้อมไปตามทางเดินเล็กๆที่ผ่านบ้านเรือนผู้คนเพื่อกลับที่พัก หลายๆคนไม่กล้ามาที่นี่เนื่องจากข่าวคราวปัญหาโรฮิงญาและการเมืองภายในของรัฐยะไข่แต่สิ่งที่เรารู้สึกกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ที่นี่ปลอดภัยมากสำหรับเรา แถมยังปราศจากความน่าเหนื่อยหน่ายที่จะพานพบในแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ นักท่องเที่ยวมาที่นี่กันน้อยมากปีๆหนึ่งมีประมาณแค่ 5000 คน
DAY 4 : มรัคอู
วันนี้เริ่มเดินออกจากที่พักตั้งแต่ก่อนฟ้าสางเพื่อไปให้ถึงเนินเขาใกล้ๆกับที่พักก่อนพระอาทิตย์ขึ้น หลังจากนั้นจึงกลับมาทานอาหารเช้าแล้วนั่งรถเพื่อเที่ยวตามที่ต่างๆในเมือง ซึ่งเราได้ว่าจ้างเพียงครึ่งวัน เราไปที่วัด Sunda Muhni Phara Gri Kyaung Tak อันมีพระทันตธาตุส่วนที่เป็นกรามของพระพุทธเจ้า รวมทั้งวัดอีกสองสามแห่งและพระราชวังเก่า หลังจากที่แยกย้ายกับรถว่าจ้างกับไกด์นำเที่ยวที่วัดทุกขันธ์เทียน เราก็ไปเดินเล่นที่ตลาดและได้ว่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปที่วัดพระเก้าหมื่นอีกรอบ เพราะรู้สึกชื่นชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ ในตอนเย็นเรากลับมาแถวในเมืองเพื่อเล็งหาที่ดูพระอาทิตย์ตกตรงจุดใหม่ เหลือบไปเห็นคนบนยอดเขาทางด้านหลังวัดพระแปดหมื่นอยู่ไกลๆ จึงตัดสินใจเดินไปตามทางเล็กๆที่ผ่านหมู่บ้านไปจนถึงตีนเขา ที่นี่จะมีจุดสังเกตุเป็นร้านขายภาพถ่ายฝีมือช่างภาพท้องถิ่น ถึงแม้ตรงนี้จะต้องเสียค่าผ่านทางเพื่อขึ้นไปที่ยอดเขา แต่ก็นับว่าคุ้มค่ามาก เราว่าเป็นจุดที่สวยที่สุดของเมืองนี้ ขากลับเราเดินอ้อมกันไปมาอย่างไม่เกรงกลัวความมืด มันเป็นความอาลัยของการที่จะได้อยู่ที่นี่ในวันสุดท้ายนั่นเอง
DAY 5 : มรัคอู– มาเกว
ในตอนเช้าเราก็เริ่มออกเดินทางไปนั่งรอรถทัวร์ตั้งแต่ 08.00 แต่ความล่าช้าของรถโดยสารที่มาจากเมืองซิตตเวถึงกว่า 5 ชั่วโมงด้วยเหตุผลที่ต้องรอผู้โดยสารทางเรือที่ล่าช้ามาจากเมืองอื่นอันเป็นเรื่องปกติ ถนนก่อนข้ามเทือกเขาทำให้เรายังพอเพลิดเพลินได้ แต่ช่วงเย็นย่ำต้องขึ้นๆลงๆเหวี่ยงไปมาตามทางที่คดเคี้ยว ทำเอาท้องไส้ปั่นป่วน จนเวลาตีสองรถจึงถึงแล่นมาจอดที่เมืองมาเกว Magway อันเงียบเหงา(เมืองที่มีเจดีย์ริมแม่น้ำอิรวดีที่ทลายไหลกับสายน้ำในปีที่ผ่านมา) เรากับเพื่อนต้องเดินบนถนนเพื่อหาที่พักอันน้อยนิดและต่างก็ปิดรั้วเงียบ เดินมากันไกลมาก จนเจอกับกลุ่มตำรวจที่อารักขาสะพานข้ามแม่น้ำ การสื่อสารด้วยวาจาก็ค่อนข้างลำบากแต่ความมีน้ำใจของพี่ๆเค้าก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าชาวพม่าคนอื่นๆเหมือนเช่นเคย เค้าออกมอเตอร์ไซค์ไปเคาะเรียกหาห้องให้ ซึ่งปกติที่นี่จะให้เฉพาะคนพม่าเข้าพักได้เท่านั้น (หากที่พักไม่ได้มาตรฐาน ผู้ประกอบการไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็จะไม่ได้รับการอนุญาต) หมดวันพร้อมกับหมดแรงจริงๆวันนี้
DAY 6 : มาเกว – พุกาม
ในตอนแรกกะจะเดินเล่นเที่ยวในเมืองมาเกว แต่กลับพบว่ารถตู้โดยสารที่จะไปยังพุกามจะหมดภายในครึ่งวันเช้าเท่านั้น จึงได้แต่รอและจับรถเที่ยวสิบโมงเพื่อเดินทางต่อในทันที
พุกามราชธานีโบราณแห่งนี้ จะให้มาสักกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เราสามารถไหว้พระได้เป็นร้อยๆรูปได้ภายในเวลาวันเดียว ในครั้งนี้เรามาที่นี่เป็นครั้งที่สอง จึงได้แต่แวะเวียนไปตามสถานที่ที่ชื่นชอบ และเก็บรายละเอียดการเยี่ยมชมที่เคยตกหล่นจากครั้งที่แล้ว การอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องมาก่อนเป็นเรื่องที่จำเป็น เราใช้หนังสือ 101 วัด วังและสถานที่สำคัญในพม่า เป็นดั่งไกด์ในการเยี่ยมชม ในตอนเย็นการชมพระอาทิตย์ตกแถวด้านหลังวิหารธรรมยางยี เป็นประสบการณ์ดีๆที่ทำซ้ำๆได้เสมอ
DAY 7 : พุกาม – ปินตะยา – กะลอว์ (เครื่องบิน)
ในช่วงเช้าเราจับเครื่องบินเที่ยวแรกเพื่อมาที่สนามบิน Heho และรถแท็กซี่ต่อมาที่เมืองกะลอว์ โดยที่จะแวะเที่ยวที่เมืองปินตะยาก่อน ตลอดสองข้างทางเป็นวิวที่เราชื่นชอบมากเป็นพิเศษในพม่า ที่ราบสูงที่ทำการเกษตรตัดกันไปมากับทุ่งดอกไม้สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ตลอดทาง จนรถแล่นมาถึงทะเลสาบPone Taloke ที่ปินตะยาซึ่งมีวัดถ้ำชเวอูมินที่มีพระพุทธรูปถึง 8094 องค์อยู่ที่บนถ้ำภูเขาทางด้านหลัง เมืองเล็กๆนี้น่ารักดีจริงๆ ในแถบนี้คนนิยมมาเดินเขากันจากเมืองกะลอว์ เพราะเป็นภูมิประเทศที่เปิดโล่งทำให้หลายคนรู้สึกชื่นใจมากกว่าการเดินในป่ารกทึบ
ช่วงบ่ายแก่ๆเราก็มาถึงกะลอว์ พอจัดการเรื่องที่พักกับจัดหาไกด์ในการเดินเขาในวันพรุ่งนี้เสร็จก็เริ่มเดินเล่นโดยทันที ถึงแม้เมืองนี้จะไม่ใหญ่และไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างที่ทรงพลังมากมาย แม้กระทั่งภูเขาก็ไม่ได้มีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ แต่ที่นี่จะก็ทำให้เรารู้ดีได้อย่างบอกไม่ถูก ที่นี่จึงเป็นจุดมุ่งหมายในการ เที่ยวพม่าเมืองรอง ของใครหลายคน
DAY 8 : กะลอว์
ในช่วงเช้าเราเดินเขาโดยมีไกด์ท้องถิ่นพาไป โดยส่วนตัวไม่ได้ประทับใจเรื่องวิวทิวทัศน์สักเท่าไหร่ เพราะหลงรักวิวแบบโล่งๆเตียนๆแถวปินตะยามากกว่า ในคราวหน้าเราจะต้องเดินไปอิเลให้ได้ในใจคิด เมื่อกลับมาแถวๆในเมืองที่เริ่มจากภูเขาด้านหลังของเมืองที่มีวัด Nhee Paya เรื่อยไล่ลงมาผ่านบ้าน โรงแรมเก่าแก่รวมทั้งโบสถ์ และมัสยิดในเมือง โดยส่วนตัวการเดินเล่นรอบเมืองแบบนี้จะสนุกกว่า เพราะวิวภูเขาแถวนี้ไม่ต่างจากบ้านเราสักเท่าไหร่นัก
DAY 9 : กะลอว์ – ยองชเว(ทะเลสาบอินเล)
ช่วงเช้ามีตลาดนัดที่ถนนด้านนอกตลาดหลักก็สนุกแปลกตาอยู่ไม่น้อย พอสายๆเราก็ออกเดินทางไปเมืองยองชเวโดยแท็กซี่และแวะเที่ยวตามทางมาตลอด ที่จะผ่านจุดชมวิวและทางรถไฟโบราณ เมื่อใกล้ถึงยองชเวก็แวะเที่ยววัดอีกสองแห่ง ก่อนจะมาถึงวัด Shwe Yaunghwe Kyaung ตรงปากทางเข้าเมือง เมื่อถึงที่พักก็ออกเดินเล่นไปรอบๆจนถึงท่าเรือหลัก แล้วกลับมากินก๋วยเตี๋ยวฉานที่เคยกินเมื่อคราวก่อน
DAY 10: ทะเลสาบอินเล
วันนี้เราเหมาเรือทั้งวันเที่ยวซ้ำเหมือนคราวที่แล้ว เริ่มจากหมู่บ้านอินเดอินเที่ยวไล่เรื่อยกลับมา แต่คราวนี้เรามีขนมที่เตรียมไว้ให้สุนัขที่อยู่ตามวัด เพราะเห็นตัวผอมๆกันทั้งนั้น กะว่าถ้ามาคราวหน้าจะต้องไปให้ถึง Samkar (ဆမ္ကာ) ให้ได้ซึ่งค่อนข้างอยู่ห่างไกลออกไปที่ต้องนั่งเรือถึง 3 ชั่วโมง ที่เมื่อก่อนไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวได้
DAY 11 : ทะเลสาบอินเล
หลังจากที่เช็คว่าในวันนี้จะมีตลาดนัดที่หมู่บ้าน Ywama เราก็เริ่มต้นจากที่นี่และไปจนสุดที่หมู่บ้าน Nampan ที่เล็กๆน่ารัก จากนั้นก็แวะที่ต่างๆในทางขากลับจนมาสุดท้ายที่หมู่บ้าน Maing Thauk อันมีสะพานไม้ยาวเชื่อมต่อไปจนถึงแผ่นดิน เราเดินขึ้นเขาเรื่อยมาเพื่อไปยังวัดป่าด้านบน ซึ่งค่อนข้างไกลแต่วิวด้านบนก็ทำให้หายเหนื่อย พอกลับมาถึงในเมืองก็แวะไปที่ Nyaungshwe Cultural Museum หอเจ้าฟ้าหยองห้วยและไม่ลืมที่จะเดินกลับไปกินก๋วยเตี๋ยวฉานตรงปากทางเข้าเมือง
DAY 12 : ยองชเว(ทะเลสาบอินเล) – ย่างกุ้ง – กรุงเทพ
วันนี้เป็นวันเดินทางอีกหนึ่งวัน ที่เราบินจากเฮโฮมาลงที่ย่างกุ้งแล้วต่อเครื่องกลับกรุงเทพในช่วงบ่ายวันนั้นเลย
เที่ยวพม่าเมืองรอง ยังมีอีกหลายที่ที่น่าเดินทางไป หากมีโอกาสเมื่อไหร่เราคงต้องกลับมาอีกแน่นอน ถึงแม้การเดินทางระหว่างเมืองจะมีความยากลำบาก หรือทางเลือกในการโดยสารเครื่องบินจะราคาค่อนข้างสูง อีกทั้งที่พักหลายแห่งราคาไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆ แต่ทว่าหลังการเดินทางมาเที่ยวพม่านั้น มันกลับทำให้เราหวนคิดถึงช่วงเวลาของการได้ไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆได้อย่างมีความสุข ถือว่าเป็นประสบการณ์การท่องเที่ยวที่พิเศษมากๆอีกที่นึงที่ใครหลายคนไม่ควรมองข้าม