REMINDING ME: Batan ,Batanes , Philippines
ตอนที่ 2 เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน
เกาะบาตัน ที่นอกเหนือจากความงดงามตามธรรมชาติแล้ว ก็ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น ยูโทเปียแห่งฟิลิปปินส์ ในความเรียบง่ายของวิถีชีวิตที่มีความสุขขั้นพื้นฐาน ประกอบกับความห่างไกลที่สร้างความสันโดษอันเป็นเอกลักษณ์ทางอุปนิสัยที่เกื้ออยู่บนความโอบอ้อมอารี จึงทำให้ดินแดนแห่งนี้เป็นเหมือนสังคมในอุดมคติ
คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริง หากได้มีการวัดตวงจากสถิติที่สามารถบ่งชี้ดัชนีเรื่องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี ที่นี่ไร้ซึ่งอาชญากรรมรวมทั้งการลักเล็กขโมยน้อย จะมีก็เพียงข้อหาทะเลาะวิวาทเพราะเหตุเมาสุรา (ส่วนมากก็จะเป็นนักท่องเที่ยว) หลายคนไม่ได้ล็อคบ้านปิดหน้าต่างเมื่อออกไปข้างนอก ที่นี่มีแม้กระทั่งร้านค้าที่ปราศจากคนขาย เพียงเราหยิบของที่ต้องการแล้ววางเงินทิ้งเอาไว้
เรื่องทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ความยากลำบากและบทเรียนจากเรื่องต่างๆ ทั้งความโหดร้ายของธรรมชาติและจากการกระทำที่ผิดพลาดในอดีตของผู้คน ต่างก็ได้หล่อหลอมเป็นกุญแจเปิดประตูไปสู่สังคมดังกล่าว ที่ฟิลิปปินส์หลายคนเติบโตมาด้วยความกำพร้า บ้างก็เป็นม่ายที่เกิดจากการใช้ชีวิตของคู่ครอง หญิงอายุสี่สิบปีขึ้นไปจำนวนมากที่ต้องดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยว การตายจากก่อนวัยอันควรของคนรักเป็นสาเหตุ หรือไม่ก็เพราะต้องโทษติดคุกติดตารางที่ทำให้ห่างหายเลือนลางคลายความผูกพันไปตามกาลเวลาด้วยกรรมที่ได้ก่อ มันจึงทำให้องค์ประกอบย่อยอย่างบุหรี่ เหล้า ยาเสพติด ตลอดจนอาชญากรรมต่างๆกลายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับคนในรุ่นต่อๆมา แม้ไม่ต้องมีกฏหมายออกมาบังคับ พวกเค้าก็เห็นมัจจุราชในสิ่งดังกล่าวได้อย่างชัดเจน มันทำให้การเติบโตของความเมตตา ความสัตย์ซื่อ จึงสามารถเบ่งบานผลิดอกออกผลแห่งความสุขให้แก่ผู้คนในรุ่นปัจจุบันอย่างไม่เหนียมอาย
จากการสังเกตุอีกอย่างที่เราเห็น ระบบการปกครองส่วนท้องถิ่นที่นี่ก็มีความเข้มแข็ง การจัดสรรใช้พื้นที่สาธารณะหรือทรัพยากรธรรมชาติในหลายรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเทศบาลที่จัดการในเรื่องของการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ที่เหมาะสม สหกรณ์การเกษตรและปศุสัตว์ที่รวมกลุ่มกันเพื่อความยั่งยืนในรูปแบบต่างๆ หรือแม้แต่ภาคเอกชนที่ทำมาหากินร่วมกันกับคนท้องถิ่นอย่างฉันท์มิตร รวมทั้งกฏหมายที่ผู้คนล้วนปฏิบัติกันตามอย่างน่าชื่นใจ เราไม่เคยเห็นผู้คนสูบบุหรี่ตามที่สาธารณะ หรือรถที่ขับขี่เกินอัตราที่กำหนด ทุกสถานที่มีการคัดแยกขยะกันอย่างเข้มงวด เราแทบไม่เห็นความขาดๆเกินๆที่ดูถูลู่ถูกังอันนำไปสู่หายนะหรือการคอรัปชั่นใดใดเหมือนในหลายๆประเทศ
ถึงแม้การแค่มาท่องเที่ยวจะทำให้เห็นเพียงแค่ฉากหน้าที่ฉาบบังตา แต่มันก็เป็นภาพที่ดูเข้มแข็งและงดงาม ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดเราจะเห็นได้จากใบหน้าผู้คนที่นี่ ไม่ว่าเจอรี่คนนำเที่ยว คนขายอาหารที่ใจดี ผู้คนตามหมู่บ้านหรือแม้แต่คนแปลกหน้าที่เดินผ่าน ทุกคนดูอิ่มสุข มีรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างเปิดเผยในรูปแบบที่จริงใจ เมื่อเราเห็นแล้วก็พลอยอดยิ้มมีความสุขตามไปด้วยไม่ได้
อากาศในช่วงสองวันที่ผ่านมาค่อนข้างโหดร้าย ลมที่พัดแรงกับอากาศที่เย็นยะเยือกทำให้เราทั้งหนาวและเหงาเอามากๆ เสื้อตัวในที่ใส่ถึงสามชั้นสวมทับด้วยเสื้อกันลมอีกสองตัวถึงกับเอาไม่อยู่ แม้ความเป็นทะเลที่มีฝนและไร้แดดจะทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวัง ในเมื่อพื้นที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เหมาะแก่การลงเล่นน้ำสักเท่าไหร่ เมฆฝนและลมหนาวกลับสร้างบรรยากาศที่เราชื่นชอบได้เหมือนในฉากหนัง ความสดใสที่หาไม่ได้คือความรื่นรมย์อีกอย่างที่เราปลาบปลื้ม มันดูหม่นหมองจนน่ามองไปอีกแบบ
เพราะการปิดเกาะ Itbayat เพื่อป้องกันโรคระบาด ทำให้เราต้องเคว้งคว้างกับเวลาที่เหลืออยู่ ด้วยความที่ขนาดของพื้นที่บนเกาะไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลมาก จึงเป็นโอกาสให้เราได้มาซ้ำๆในที่ที่เราชอบ แบบต่างช่วงเวลาของแต่ละวัน ซึ่งบางครั้งบรรยากาศฟ้าฝนหรือแสงแดดก็ทำให้เกิดความทรงจำใหม่ๆในสถานที่เดิมๆได้เช่นกัน
เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศเหนือเกาะ
เมือง Basco
หลายคนเห็นในโพสก่อนหน้าแล้วอดสงสัยถึงความศิวิไลซ์ของเกาะแห่งนี้ เพราะจากในรูปที่ผ่านๆมา มันช่างดูเวิ้งว้างไร้ผู้คน จนอดคิดไม่ได้ว่าหน้าตาภาพรวมของการท่องเที่ยวจะลำบากยากเข็ญเพียงใด
Basco ที่เป็นเมืองหลัก มีสนามบิน ท่าเรือขนาดใหญ่ จึงทำให้ที่นี่มีความเจริญและสะดวกสบายค่อนข้างรอบด้านในระดับปานกลาง (คือเกาะใหญ่พอที่จะมีการผลิตสินค้าเกษตรและมีการลำเลียงสินค้าอุปโภคบริโภคบางอย่างจากเรือขนาดใหญ่ จึงทำให้ข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน อยู่ในระดับที่ไม่ได้แพงจนเกินไปนัก) ทำให้ที่นี่เป็นเสมือนศูนย์กลางในการพักแรมของการมาเยือน
ในตัวเมืองเป็นถนนตัดกันไปมาเป็นตาตารางในรัศมีไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร ตามตรอกซอกซอยจะมีร้านรวงที่ถูกปรับปรุงจากบ้านพักให้เป็นกิจการประเภทต่างๆ สิ่งที่เราชอบมากๆของที่นี่ก็คือ แต่ละบ้านจะมีกระถางเล็กกระถางน้อย ที่ต่างปลูกต้นไม้นานาชนิดกันอย่างหนาแน่น บางบ้านมีต้นไม้ดอกไม้แบบเมืองร้อน ตามต้นไม้ใหญ่ก็มีเฟิร์นเกาะกันแน่นแบบป่าเมืองหนาว ถึงแม้บ้านแบบเก่าจะถูกปรับปรุงจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่ที่นี่ก็มีสีสัน โดยเฉพาะในตอนเย็น ที่ผู้คนเริ่มกลับมาจากการทำงานหรือโรงเรียน มันยิ่งทำให้ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ถ้าหากเราไม่ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูพระอาทิตย์ตกที่ไหน ในเมืองก็เป็นอีกที่ที่เราเลือกเดินเล่นอยู่เป็นประจำอย่างขาดไม่ได้
Vayang Rolling Hills
เนินหญ้าที่สูงๆต่ำๆที่มีฉากหลังเป็นทะเลฟิลิปปินส์และมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ด้านล่างมีคลื่นลมรุนแรงกระแทกหน้าผาสูง สายลมที่สดชื่นในบางครั้งก็เลวร้ายและอันตราย บางวันที่เรามามันพัดแรงมากจนยืนแทบไม่ไหว แค่จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปให้นิ่งยังไม่สามารถทำได้ ต้องไปยืนหลบใต้หลังคาที่เป็นที่เก็บน้ำฝนใต้ดินเพื่อรอจังหวะเดินกลับ จากที่นี่สามารถมองเห็นประภาคารที่จุดชมวิว Naidi (Basco Lighthouse) มันยืนตระหง่านขณะที่เตรียมต้อนรับนักเดินเรือตรงหน้าผา กลายเป็นภาพที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของที่นี่
หาด Chadpidan Boulder
เมื่อเรายืนอยู่ที่ Rolling Hills จะเห็นคลื่นปะทะชายหาด Chadpidan โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟ Iraya หาดหินแห่งนี้เป็นฝาแฝดของหาด Valugan ที่มีลักษณะเหมือนกัน คือจะมีหินภูเขาไฟที่ถูกคลื่นลมกัดเซาะจนกลายเป็นก้อนกลมเกลี้ยงกองซ้อนกันทอดยาวตลอดชายฝั่ง เราชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ เพราะตรงนี้เป็นส่วนของด้านหลังเกาะ ถนนที่ตัดมาก็สุดตรงตีนเขา ทั้งยังไม่ได้รวมอยู่ในลิสของนักท่องเที่ยว จึงทำให้หาดหินที่ดูสุดลูกหูลูกตามีเพียงแต่เราเพียงคนเดียว
Naidi Hills (Basco Lighthouse + Bunker Cafe)
โครงสร้างของประภาคารที่โดดเด่นที่สุดของจังหวัด ภาพแห่งนี้ถูกใช้ในการเผยแพร่เพื่อการท่องเที่ยวสำหรับ หมู่เกาะบาตาเนส มากที่สุด หอคอยหกชั้นตั้งตระหง่านอยู่กลางเนินเขา Naidi (ในภาษาอิวาตันมีความหมายถึง อดีตของการตั้งถิ่นฐาน) ประภาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี คศ. 2003 ข้างๆอาคารที่ทำการโทรเลขเก่าของสหรัฐอเมริกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวอาคารสีขาวมีบานประตูสีฟ้าที่เคยเป็นคาเฟ่แต่ตอนนี้ปิดทำการ เมื่อแรกก่อนได้แวะมา เรานึกว่าที่นี่จะกลายเป็นที่โปรด แต่กลับรู้สึกเฉยๆเมื่อมาถึง จริงๆแล้วองค์ประกอบอื่นๆจะทำให้รู้สึกใจเต้นเมื่อมองจากระยะไกลมากกว่า
หาด Valugan Boulder
ภูเขา Iraya ที่เกิดการประทุในช่วงปี 286 – 505 AD ทำให้เกิดก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่กองกลายเป็นชายหาด ก้อนหินได้รับการขัดเกลาดูแลอย่างต่อเนื่องโดยกระแสน้ำและคลื่นลมด้วยความโกรธเกรี้ยวจากมหาสมุทรแปซิฟิก จึงทำให้ที่นี่มีบรรยากาศที่พิเศษไม่เหมือนใคร เรามาถึงก็เดินเลาะไปตามหิน พอได้ที่เหมาะเจาะก็ลงไปนั่งลงให้ไออุ่นจากก้อนหินบรรเทาลมหนาวที่พัดมา เรานั่งมองบรรยากาศที่ดูรุนแรงนั้นอยู่เนินนาน ความสงบเกิดขึ้นในใจต่างจากภาพที่เห็น
อุโมงค์ญี่ปุ่น Dipnaysupuan
ทั้งสามเกาะใน หมู่เกาะบาตาเนส มีร่องรอยของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่อุโมงค์แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นที่หลบซ่อนที่แสดงความมหัศจรรย์ของฝีมือมนุษย์ได้เป็นอย่างดี การขุดเจาะที่ทำด้วยแรงงานเพื่อใช้เป็นฐานในการซุ่มดูบนเนินสูง มีทางเข้าออกได้หลายทาง ถึงแม้จะไม่ได้มีความสวยงามแบบโถงถ้ำตามธรรมชาติ แต่ก็นับได้ว่าเป็นร่องรอยบันทึกกรรมในสมัยสงครามที่น่ามาชมอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านบนจะเป็นเนินเห็นท้องทะเลทั้งสองฝั่งได้เป็นอย่างดี
Fundacion Pacita / Café du Tukon
โรงแรม Fundacion Pacita เป็นความหรูหราที่ผสมผสานความเป็นท้องถิ่น เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ การออกแบบที่พักในรูปแบบดั้งเดิมในจุดที่สามารถมองเห็นวิวได้อย่างสวยงาม จึงทำให้ห้องพักที่นี่มีการจองคิวที่ยากมากและแพงสุดๆ ในส่วนของร้านอาหาร Café du Tukon ก็มีเมนูที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง ที่เราเลือกมาคือสลัด Tamidok ที่ใช้พืชตระกูลเฟิร์น มีการตัดรสด้วยไข่เค็มและโรยด้วยมันหวานทอด อร่อยมากจริงๆ อีกเมนูที่เราสั่งคือ Lunis เป็นเมนูสูตรโบราณ ที่ใช้หลักการรมควันกับหมักเกลือแล้วเก็บไว้ในไหดินเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อเป็นการถนอมอาหาร ส่วนเครื่องดื่มเป็นชา Tubho เป็นเฟินป่าที่มีบนเกาะในแถบนี้เท่านั้น รสจะมีความฝาดเปรี้ยวและหอมอ่อนๆ ดื่มแล้วแก้กระหายชื่นใจดี
ความดีงามของที่นี่คือการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นของพื้นบ้าน มีการสนับสนุนกลุ่มเกษตรกร ชาวประมง หรือสหกรณ์ท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่ยั่งยืนและมั่นคง ตัวเจ้าของเองที่นอกจากจะเป็นศิลปินแล้ว เธอยังเป็นนักสวนครัวตัวยงที่พยายามสรรหาพืชท้องถิ่นหายากมาเพาะปลูก รวมทั้งสืบค้นวิธีถนอมอาหารในรูปแบบดั้งเดิมและผสานเทคนิคแบบร่วมสมัยลงไป ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนในท้องถิ่นจึงรักตัวเธอและสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
PAGASA Weather Station – Basco
สถานีสภาพอากาศที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ถึงแม้ตอนนี้จะเกิดการชำรุดไม่สามารถใช้การได้เพราะเนื่องจากเกิดความเสียหายจากพายุเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ที่นี่ก็นับได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่เห็นความสวยงามแบบ 360 องศารอบตัวเกาะได้เป็นอย่างดี ถ้าขับขี่เลยมาอีกหน่อยก็จะเห็นซากของกังหันลมที่ตอนนี้ก็นอนราบอยู่กับพื้นสาเหตุก็มาจากพายุเช่นเดียวกัน
โบสถ์ Tukon (St. Carmel Chapel)
โบสถ์เล็ก ๆ ที่สร้างด้วยมือด้วยวิธีแบบดั้งเดิม ก้อนหินก่อเป็นผนังผนังมีประตูไม้แกะสลักและหน้าต่างกระจกสี ภายในมีภาพวาดด้วยมือของนักบุญอุปถัมภ์ของจังหวัด ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุ ตอนที่เรามาถึงหลังคายังถูกคลุมไว้ด้วยผ้าพลาสติก ความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในค่อนข้างรุนแรง
การเช่ารถมอเตอร์ไซค์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะให้อิสระในการท่องเที่ยว เราอยากไปไหน เวลาใดหรืออยากจะจอดมองวิวนานแค่ไหน ก็เป็นสิ่งที่เราบริหารจัดการเองได้ ถนนบนเกาะโดยรอบนับว่าดีเอามากๆ ขับขี่ง่ายสบายๆ…เพียงแต่ต้องท่องเตือนสติให้อยู่เลนขวาไว้ในใจอยู่ตลอดเวลา เราติดต่อขอเช่า รถมอเตอร์ไซต์เป็นรายชั่วโมง ใครอยากจะเช่าขี่ อย่างน้อยต้องมี ใบขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการดังกล่าว (ไม่จำเป็นต้องเป็นใบขับขี่สากล ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของและเราอาจจะถูกเรียกตรวจเอกสารจากเจ้าหน้าที่ในระหว่างทางก็ได้) ค่าเช่าอยู่ที่วันละ 1000-1300 เปโซต่อวัน ถ้าน้อยกว่าห้าชั่วโมงสามารถคิดเป็นชั่วโมงได้ ร้านส่วนใหญ่จะอยู่ที่ถนน Abad มีให้เลือกอยู่หลายเจ้า
อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ
ตอนที่ 3 เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน – เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศใต้