REMINDING ME: Mrauk U – Magway – Bagan, Myanmar
ไม่แปลกใจที่การหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเรื่อง การเดินทางจากมรัคอูมายังพุกาม เป็นเรื่องที่ลึกลับ ทั้งจาก TripAdvisor หรือ Lonely planet มันไม่สามารถกำหนดกะเกณฑ์เวลาหรือสถานที่ใดๆได้ เพียงรู้คร่าวๆแล้วนั่งเหม่อกันไปค่อยว่ากันเอาหน้างาน ตามข้อมูลคือ ให้นั่งรถที่จะไปยังมัณฑะเลย์ ที่มาจาก Sittwe แล้วลงรถที่เมือง Kyaukpadaung ที่ใกล้พุกามที่สุด หรือเมือง Magway(มาแกว) ที่ห่างออกมาหน่อยแต่เป็นเมืองใหญ่หาที่พักง่ายต่อรถสะดวก เวลาตามที่คนท้องถิ่นที่บอกมาคือ รถออก 08.30 ใช้เวลาเดินทาง 12 ชม. ถึงเมืองดังกล่าว
เมื่อเอาเข้าจริงๆแล้วการเดินทางในพม่าบริเวณที่ไม่ได้มีการพัตนาเส้นทางถนนและระบบขนส่งมวลชน นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องถือว่าเป็นการผจญภัยกันเลยทีเดียว
เริ่มต้นด้วยการที่รถบัสมาสายเกือบ 5 ชม.เพราะรอผู้โดยสารที่มาทางเรือจากเมืองอื่นที่มาไม่ตรงเวลา จึงทำให้ล่าช้าตามกันมาเป็นทอดๆ
เมื่อต้องเดินทางข้ามเทือกเขาโยมาที่กั้นรัฐยะไข่กับส่วนต่างๆนั้น
เป็นเรื่องที่ทุกข์ทรมานมาก รถโดยสารที่มีข้าวของแน่นหนาบนทางเดิน อบอวลรวมกันกับกลิ่นปัสวะปนน้ำหมาก ถนนที่ปุปะมีหลุมมีบ่อพร้อมฝุ่นละอองจำนวนมหาศาล อันเกิดมาจากการซ่อมถนน ที่มีเกือบตลอดเส้นทาง และความคดเคี้ยวขึ้นๆลงๆบนภูเขา มันชวนให้ป่วยไข้เหมือนตกนรกเป็นที่สุด บนรถไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นใคร มีแต่คนพม่าที่มีอาการมึนเมาอยากจะอาเจียนเหมือนเราเช่นกัน
รถโดยสารก็อาการหนักไม่แพ้คน
ติดขัดงอแงเหนื่อยล้า เหม็นไหม้จนต้องหยุดรถเป็นระยะๆ แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนได้ลงมาเดินปล่อยของเสียตามสุมทุมพุ่มไม้ หลังจากที่อัดอั้นกันมานาน สาวๆที่แปลกหน้ากันต่างชักชวนกันไปเป็นกลุ่มเพื่อให้ลับสายตาคน รวมทั้งได้ยืดเส้นยืดสาย สูบบุหรี่กันคนละมวนสองมวน
รถแล่นมาจอดเพื่อแวะทานอาหารเย็นกันตอนสองทุ่มก่อนถึงเมือง Ann Township แต่เราไม่กล้าที่จะกลืนอะไรลงท้อง เพราะกลัวการเมารถเป็นที่สุด เพื่อนเราได้นำยาดมน้ำแจกจ่ายให้ผู้คนที่นั่งวิงเวียนพะอืดพะอม กลางคืนที่นี่ท้องฟ้าสวยมาก ดาวสว่างกว่าที่เคยเห็นจากเมืองไหนๆ อาจเป็นเพราะเป็นคืนเดือนมืดและปราศจากแสงไฟจากบ้านเรือนหรือท้องถนน
จนเวลาตีสองรถจึงถึงแล่นมาจอดที่เมือง Magway อันเงียบเหงา(เมืองที่มีเจดีย์ริมแม่น้ำอิรวดีที่ทลายไหลกับสายน้ำในปีที่ผ่านมา) เรากับเพื่อนต้องเดินบนถนนเพื่อหาที่พักอันน้อยนิดและต่างก็ปิดรั้วเงียบ เดินมากันไกลมาก จนเจอกับกลุ่มตำรวจที่อารักขาสะพานข้ามแม่น้ำ การสื่อสารด้วยวาจาก็ค่อนข้างลำบากแต่ความมีน้ำใจของพี่ๆเค้าก็ไม่ได้มีน้อยไปกว่าชาวพม่าคนอื่นๆเหมือนเช่นเคย เค้าออกมอเตอร์ไซค์ไปเคาะเรียกหาห้องให้ ซึ่งปกติที่นี่จะให้เฉพาะคนพม่าเข้าพักได้เท่านั้น (หากที่พักไม่ได้มาตรฐาน ผู้ประกอบการไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็จะไม่ได้รับการอนุญาต)
พอตอนเช้าเราก็รีบมาต่อรถเพื่อมาที่เมืองพุกามด้วยรถตู้โดยสารที่แน่นจากการเสริมเก้าอี้ซักผ้าตามทางเดิน (15 คนรวมคนขับ) มาลงที่ปากทางเข้าเมือง เพื่อต่อรถแท็กซี่ไปยังพุกาม ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด ทำให้พวกเราไม่กล้าที่จะไปเดินเล่นหรือเยี่ยมชมวัดที่อยู่ภายในเมืองมาแกวแห่งนี้ เพราะกลัวว่าพลาดรถแล้ว คงต้องค้างคืนที่นี่เป็นอีกแน่แท้ และจะทำให้แผนการเดินทางอื่นๆคลาดเคลื่อนตามกันไปอย่างหายนะ
สิริรวมมหกรรมการเดินทางข้ามสีทันดรในตำนานจากมรัคอูมาที่เมืองพุกาม นับตั้งแต่ย่างเท้าออกจากโรงแรมจนถึงจุดหมายปลายทางใช้เวลาไปทั้งสิ้น 29 ชม.
หากใครจะเดินทางจากมรัคอูเพื่อไปเมืองท่องเที่ยวอื่นๆก็ขอให้เอาข้อมูลในเรื่องนี้มาชั่งใจ เพื่อวางแผนในการเดินทางกันด้วยนะครับ มันค่อนข้างทรมานมากๆจากใจจริง