REMINDING ME: Kalaw, Shan state, Myanmar
กะลอ รัฐฉาน มีความผสมผสนานผู้คนหลายเชื้อชาติ
มีทั้งชาวเขาชาวเนปาล อินเดิย กุนข่า(ทหารรับจ้าง) ที่บรรพบุรุษของพวกเขาได้เข้ามารับจ้างใช้แรงงานสร้างถนน ทางรถไฟในสมัยที่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ กะลอ รัฐฉาน จึงทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เอเชียกลางมากกว่าพม่า ถึงแม้เมืองนี้จะไม่ใหญ่และไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างที่ทรงพลัง แม้กระทั่งภูเขาก็ไม่ได้มีความพิเศษกว่าที่อื่นๆ แต่ที่นี่จะก็ทำให้เรารู้ดีได้อย่างบอกไม่ถูก
กะลอ ยังมีทั้งมัสยิด โบสถ์ วัดและตลาดที่แสนจะคึกคัก
มีตึกอาคารโคโลเนียล บ้านไม้เก่าๆ มีเสน่ห์ในแบบที่เมืองอื่นไม่มี พอมาถึงที่โรงแรมก็ออกเดินเล่น เห็นทุกสิ่งน่ารักไปหมด จนอดสงสัยไม่ได้ว่าไปโดนอะไรมาทำให้เห็นอะไรก็ดีงามไปหมดจนน่าแปลกใจ ลักษณะภูมิประเทศตั้งอยู่บนพื้นที่ภูเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1300 เมตรทำให้เย็นตลอดปี มีพืชพรรณไม้ดอกไม้ประดับ ก็มีหลากหลายตั้งแต่พืชเมืองหนาวยันร้อนชื้นที่สร้างความชื่นใจยามพบเห็น
ที่นี่ได้รับความนิยมจากนักเดินเขาต่างชาติ เพราะเป็นที่เดียวที่ไม่ต้องขออนุญาตจากทางการล่วงหน้าเพื่อเดินเขาแบบค้างคืน หลายคนนิยมเดินไปที่อินเลหรือปินตะยาโดยใช้เวลาสองถึงสี่วัน เนื่องจากเมื่อเริ่มจากที่นี่จะเป็นการเดินลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ไม่ลำบากมาก
รอบๆเมืองจะมีป่าสน ไร่ชา สวนส้ม กาแฟ อโวคาโด้ พื้นที่ราบจะมีทุ่งข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพดและพืชพักชนิดต่างๆ ในเดือนพฤศจิกายนจะมีดอกไม้บานอยู่เต็มไปหมดโดยเฉพาะดอกบัวตอง
ที่นี่มีพระที่สำคัญเป็นพระที่สร้างมาจากไม้ไผ่ลงแลคเกอร์ปิดทองคำเปลวมีอายุมากกว่า 500 ปีที่วัด Nhee Paya ซึ่งผู้มาเยี่ยมกราบนมัสการจะได้รับยำใบชากับชาร้อนเพื่อนั่งรับประทานอย่างเท่าเทียมกันทุกคน
หากใครอยากหาเมืองที่ท่องเที่ยวควบคู่ไปกับทริปทะเลสาบอินเล ก็นับได้ว่าเมืองนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะไม่ได้มีอะไรตื่นตาตื่นใจจนตะลึงแต่ก็ทำให้เราคิดถึงที่นี่เสมอเมื่อจากมา
REMINDING YOU
การเดินทางโดยเครื่องบิน
สามารถเดินทางมาลงที่สนามบิน Heho ที่ห่างออกไปประมาณ 37 กม. ที่นั่นจะมีรถแท็กซี่จอดไว้คอยบริการไปตามเมืองต่างๆรอบๆ เราเดินทางเหมาแท็กซี่ในราคา K80,000 เพื่อแวะปินตะยา และหลังจากเมืองนี้เราเดินทางไปเที่ยวที่อินเล โดยไปลงที่ NyaungShwe ค่ารถจะอยู่ที่ K40,000