REMINDING ME: Indawgyi Lake, Kachin state, Myanmar
ทะเลสาบอินดอจี รัฐคะฉิ่น ประเทศพม่า
ก่อนมาทริปนี้ต้องยอมรับว่าโหมงานหนักอยู่หลายเดือน มันสร้างความเหนื่อยล้าจนเรารู้สึกสลดหดหู แต่เเมื่อได้มาเห็นธรรมชาติของทะเลสาบที่บริสุทธิ์ปราศจากเสียงเครื่องยนต์ที่บวกกับความธรรมดาเรียบง่ายของที่นี่ มันทำให้เรารู้สึกกระชุ่มกระชวย ราวกับว่าจะสามารถฆ่าเวลาอันว่างเปล่าโดยที่ไม่รู้สึกไร้ค่าได้ด้วยความสันโดษ หากจะให้คะแนนความคิดถึงของสถานที่ที่ได้เดินทางมาทั้งหมดภายใน 14 วันของทริปนี้ ที่นี่สร้างความประทับใจให้กับเราได้มากที่สุด และถึงแม้อินดอจีจะไม่ได้มีวัดวาอารามน่าทึ่งหรือชาวประมงที่ยกสุ่มจับปลาด้วยขาเหมือนอย่างที่อินเล แต่ความสงบเรียบง่ายเป็นกันเองของที่นี่ ก็สามารถกินตาบาดใจให้เราหลงรักได้จริงๆ
พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นเขตอนุรักษ์ มีนกมากมายอาศัยอยู่ ทะเลสาบอินดอจี มีขนาดใหญ่ที่สุดในพม่า ความยาว 13 กิโลเมตรจากตะวันออกไปตะวันตกและ 24 กิโลเมตรจากเหนือไปใต้ มีความเงียบสงบของธรรมชาติและมีหมู่บ้านของชาวไทใหญ่ที่ยังคงวิถีชีวิตแบบชนบทอยู่รายล้อม
หลังจากการเดินทางมาหลายชั่วโมงจากมิตจีนาเมื่อเก็บข้าวของแล้ว เราก็มาเช่าจักรยานที่ Inn Chit Thu (Lovers of Indawgyi) โดยทันที การท่องเที่ยวที่นี่มีทางเลือกให้ไม่เยอะมากนัก หลายฝ่ายพยายามจะป้องกันไม่ให้เหมือนกับอินเล ที่ในทะเลสาบจะเต็มไปด้วยเรือหางยาวอันเสียงดัง
วันแรกเราขี่ไปที่ วัดชเวมยิซู (Shwe Myitzu) อย่างไม่เจียมสังขาร ไกลและเหนื่อยกว่าที่คิดไว้มาก กับระยะทาง 7.7 กม. ที่รวมกับการชมนกชมไม้ในหมู่บ้านก่อนหน้านี้และหลงทางอีกหลายกม. เราจอดรถไว้ที่ท่าน้ำโดยไม่ได้ล็อคอย่างคนที่ Inn Chit Thu บอกและนั่งเรือโดยสารที่จะจอดคอยรับส่งผู้คน พอเรือเข้าไปใกล้วัดที่เป็นเกาะลอย ก็ยิ่งรู้สึกว่าที่นี่สวยจนเหมือนสวรรค์กลางน้ำจริงๆ
ภายในเขต ทะเลสาบอินดอจี เป็นพื้นที่หวงห้ามทางทรัพยากรธรรมชาติและยังเป็นเขตที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองอยู่ (เมื่อ2-3 ปีก่อนก็ยังมีการยิงปะทะกันระหว่างรัฐบาลและกองกำลังปลดปล่อยคะฉิ่น) รวมทั้งพื้นที่นอกเส้นทางตามหลังสันเขาที่ยังมีกับระเบิดมากมายที่ยังไม่ได้เก็บกู้ ดังนั้นการมาที่ศูนย์ Inn Chit Thu เพื่อศึกษาข้อมูลและข้อกำหมดก่อนเป็นเรื่องที่สมควรทำเป็นสิ่งแรก และการที่จะขี่จักรยานที่ไกลเกินกว่าวัดชเวมยิซู เป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับคนที่ไม่ใช่นักกีฬาอย่างเรา(ตอนแรกวางแผนจะใช้จักรยานเพียงอย่างเดียวในการเที่ยวที่นี่) เราจึงจองรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างสำหรับวันรุ่งขึ้นเอาไว้เมื่อกลับมาถึงที่ศูนย์ในทันที เท่าไหร่เราก็ไป ไม่ไหวจริงๆกับจักรยาน T.T
อินดอจีไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากนัก ด้วยระทางที่ไกล ห้องพักก็ไม่ได้มีทางเลือกมาก เพิ่งมีโรงแรมเปิดใหม่เพิ่มหนึ่งแห่ง(Indawgyi Motel) จากแต่ก่อนที่มีเพียงที่พักแบบห้องน้ำรวมแค่แห่งเดียว ที่นี่จึงยังมีความบริสุทธิ์ผุดผ่องในหลายๆทาง
เราเลือกนอนที่ Indaw Mahar Guesthouse (ราคา 10000 Kyat ต่อคืน) อันเป็นเหมือนตำนานของ อินดอจี ห้องพักกั้นไม้อัดแบบเรียบง่ายต้องกางมุ้ง ตรงระเบียงหลังบ้านมีชากาแฟและวิวทะเลสาบไว้คอยบริการ
วิธีการใช้น้ำร้อนเพื่ออาบน้ำเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเรา คุณลุงแกใช้ขดโลหะที่อยู่ในกระติกน้ำร้อนมาเจาะใส่ในถังน้ำ เมื่อน้ำร้อนแล้วให้ปิดสวิทต์หรือดึงเอาปลั๊กออกเลย หากไม่แน่ใจในการใช้งานให้ถามคุณลุงเจ้าของแกก่อนนะครับ ไฟจะได้ไม่ดูดแบบเรา แหะๆ
ตำนานทะเลสาบอินดอจี
เมื่อนานมาแล้ว มีแม่ม่ายคนหนึ่งชื่อ ดอ มอร์(Daw More) ได้ฝันเห็นมังกรบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความโกรธแค้นต่อพวกมนุษย์ที่ไรความเคารพยำเกรง จึงลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะทำให้น้ำท่วมบ้านเมืองจนจมหายไปในวันรุ่งขึ้น
เมื่อตื่นจากความฝันแม่ม่ายก็ได้ป่าวประกาศให้กับชาวบ้านได้รับรู้แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ เธอจึงทำได้แต่อพยพพาครอบครัวของตนหนีขึ้นไปยังที่ปลอดภัย
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอหันหลังกลับมามองก็พบกับหายนะ น้ำได้ท่วมเมืองทั้งเมืองให้จมหายกลายเป็นทะเลสาบไปต่อหน้าต่อตา
ซึ่งตำนานดังกล่าวก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีรอยเท้าของแม่ม่าย และเป็นเหมือนศาลนัต ที่มีชาวบ้านมากราบไหว้ขอพรกันอยู่ตลอดเวลา เราสามารถแวะตอนขาไปหรือกลับจากเจดีย์ภูเขาทองที่ไกลสุดได้
สถานที่เที่ยวทะเลสาบอินดอจี
การเที่ยวทะเลสาบอินดอจี ให้ทั่วถึงแบบในหนึ่งวันโดยที่ไม่ได้ทรมารสังขารมากนั่นก็คือคือการนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เราสามารถพูดคุยสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ Inn Chit Thu ก่อนได้ ทั้งข้อมูลและราคา อย่างเราไปทางเหนือสุดแล้วย้อนกลับไปอีกฝั่งนึงของทะเลสาบ ซึ่งค่อนข้างไกล ค่าบริการ 20000 Kyat
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาเริ่มที่ เจดีย์สีทอง วัดเชวตอง (Shwe Taung) ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา เพื่อชมวิวทะเลสาบในมุมสูงทางทิศเหนือ ระยะทางจากถนนใหญ่ที่แยกขึ้นมาบนภูเขาค่อนข้างชันและขรุขระ ถ้าฝนตกคงต้องลื่นมาก
ในตอนบ่ายน้องอังกาชวนไปกินข้าวที่บ้านซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งของทะเลสาบ ชื่อหมู่บ้านเฮปู (Hepu) ถึงแม้บริเวณนั้นจะไม่มีอะไรสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ทว่าการได้เข้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตจริงๆของคนที่นี่ ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่ง และตัวน้องเองจะได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่ไม่เจอกันมาอยู่พักใหญ่ หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม ทำไร่ทำนา ตัวบ้านส่วนใหญ่ปลูกแบบยกพื้นสูง เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่เราว่าน่ารักดี
ทางด้านทิศใต้ฝั่งตะวันออกของทะเลสาบจะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเฮปะ(Hepa) ทำอาชีพประมงแบบดั้งเดิม ที่ใช้เครื่องมือหาปลาแบบพื้นบ้าน ตัวเรือนบ้านในแถบนี้ปลูกสร้างกันแบบง่ายๆยกใต้ถุนสูงกว่าปกติ ไว้สำหรับในฤดูฝนที่ระดับน้ำจะสูงขึ้นมาก เราแวะที่นี่ก่อนที่จะกลับไปที่ศูนย์ Inn Chit Thu
REMINDING YOU
การเดินทางจากมิตจีนา – ทะเลสาบอินดอจี
เดินทางโดยรถไฟจากเมืองมิตจีนามาลงที่โฮปิน (Hopin) 5 ชัวโมงออกตอน 08.15 ราคา 1750 Kyat (upper class)
นั่งรถปิคอัพต่อมาอีก 1.30 ชม.ราคาถ้านั่งข้างคนขับด้านหน้า 7000 Kyat ด้านหลัง 5000 Kyat ก็มาถึงทะเลสาบอินดอจี
ที่หมู่บ้านโลนโตน (Lonton) ที่จะมีที่พักเพียงสองแห่งเท่านั้นสำหรับชาวต่างชาติ คือ Indaw Mahar Guesthouse (10000 Kyat ห้องน้ำรวม ไม่สามารถจองทางอินเตอร์เน็ตได้) กับอีกที่เพิ่งเปิดใหม่ใกล้ๆกันคือ Indawgyi Motel (20 ดอลล่าร์ )
อยากไปแต่ถ้าไปคนเดียวจะรอดไหมนี่ 🙂
รอดสิครับ ผมยังรอดเลย 5555 เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะสถานีรถไฟหรือตำรวจ เค้าจะห่วงเรื่องความปลอดภัยเรา บางครั้งเค้าก็มาส่งถึงตู้รถไฟเลยครับ ผู้คนก็น่ารักมากๆ เป็นทริปที่ดีที่สุดในชีวิตผมอีกทริปเลย