REMINDING ME: Batan ,Batanes , Philippines
ตอนที่ 3 เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน
เกาะบาตัน สร้างความสับสนในความรู้สึก เมื่อทะเลที่เกรี้ยวกราดกลับทำให้รู้สึกสงบเงียบและโดดเดี่ยวแต่มีความสุข ภาพจากหนังหลายเรื่องเวียนไหลเข้ามาเพื่อเปรียบเทียบกับบรรยากาศที่ได้สัมผัส เราคิดถึงหนังเรื่อง The Piano หรือ Portrait of a Lady on Fire มากกว่าที่จะนึกถึงบางฉากหนัง The Lord of the Rings ดังหลายคนที่เคยกล่าวไว้
สารโดปามีน ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งสัญญาณความรู้สึกต่อความเพลิดเพลินให้กับสมอง เมื่อเราได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ เซลล์ประสาทที่รับสื่อจากการหลั่ง สารโดปามีน ที่ดูเหมือนจะบันทึกความแตกต่างระหว่างผลตอบแทนที่เราคาดหวังกับสิ่งที่เราได้รับจริง (การเสพสื่อข้อมูลชนิดต่างๆกับการได้มาเที่ยวในสถานที่นั้นๆ) การเข้ารหัสช่องว่างระหว่างความหวังและประสบการณ์เพื่อประมวลเป็นความทรงจำที่จะมีความซับซ้อนในการเรื่องผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งต่อๆไป (การสร้างมาตรฐานทางความคิดกับการได้มาเที่ยวในครั้งแรกแล้วเกิดความประทับใจ) ในบางครั้งการที่ต้องมีตัวกระตุ้นที่เป็นตัวแปรอื่นๆเพื่อให้ผลที่เท่าเดิมหรือมากกว่าในสิ่งแวดล้อมของความทรงจำที่เคยชิน (ไม่ว่าจะเป็นการมาเที่ยวในสถานที่ที่ดูจากสื่อมาจนทะลุปรุโปร่ง หรือการมาเที่ยวในสถานที่ที่มีกายภาพทางภูมิศาสตร์ที่ไม่ได้แตกต่างมากมายจากที่เราเคยไปมาหรือการได้มายังที่เดิมๆในเวลาใกล้เคียงกันในช่วงก่อนเกิดความผูกพันธ์กับสถานที่) ดังนั้นการเดินทางท่องเที่ยวที่นับว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมดังกล่าว อันสร้างความรู้สึกที่น่าจะต้องทำความเข้าใจ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นการหลงทางโหยหาสิ่งที่โลดโผนขึ้น เฉกเช่นการเสพติดในกิจกรรมอื่นๆ จนทำให้เกินขอบเขตที่ประการพึงมีในตนเองจนเกิดความล้มเหลว (การใช้จ่ายเงินทองหรือสร้างกิจกรรมที่เกินขีดความสามารถที่เรามีทั้งทางกายและใจ) หรือตัวแปรทางธรรมชาติที่มีความผันผวนจนสร้างความปั่นป่วนทำให้เราหาความสุขจากสิ่งรอบตัวไม่ได้
เกริ่นมาอย่างยาวพร้อมวงเล็บอีกมากมายเหมือนคนฟุ้งซ่าน มันแสดงความว่าง มีเวลาอย่างเหลือเฟือเพื่อพิเคราะห์สิ่งที่เห็น วันเวลามันชวนให้ได้อ้อยอิ่งดำดิ่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยกับวิวตรงหน้า “จิตฺเตน นียติ โลโก” โลกหมุนไปเพราะความคิด เห็นทะเลแล้วไม่ได้ลง มันต้องมีบางอย่างที่ชื่นใจมาทดแทน เราตั้งคำถามนี้ให้กับ เกาะบาตัน ในเดือนกุมภาพันธ์ที่คลื่นลมแรงและหนาวเย็น
เมื่อกลับมาจากเกาะ Sabtang เราต้องมาพักอยู่ที่โรงแรม Shanedel’s Inn บน เกาะบาตัน แบบห้องน้ำรวมอีก 5 คืน มันช่างเป็นความรู้สึกที่ทรมาน เพราะหลังกลับมาจากสถานที่ที่มีแต่ความสันโดษแทบไม่ได้เจอะเจอใคร ต้องมาอยู่ในเมืองที่เป็นห้องพักเล็กๆในตึก ที่ช่วงเช้ามืดจะมีคนตื่นมาใช้ห้องน้ำเตรียมตัวออกเดินทางกันค่อนข้างเสียงดัง (ห้องของเราอยู่ติดกับห้องน้ำ ราคา 650 เปโซต่อคืนซึ่งถือว่าถูกมาก) ที่พักไม่ได้ผิดอะไร ถ้าหากเรามีทางเลือกที่ดีและเป็นส่วนตัวกว่านี้ด้วยการจ่ายเพิ่มงบประมาณ
ต้องยอมรับจากใจจริงในอีกเรื่องว่าที่ เกาะบาตัน นั้นมีความเจริญมากกว่ากรอบจินตนาการตอนรับข้อมูลดูรูปเมื่ออยู่บ้าน มันบั่นทอนความรู้สึกตื่นเต้นผจญภัยลงไปจนเหลือน้อยในตอนมาถึง ยิ่งเมื่อก่อนหน้านั้นที่ได้เห็นและเที่ยวจนทั่วตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเกาะ อารมณ์ร่วมในการเปิดบริสุทธิ์ทางสายตาคงทำให้การหลั่ง สารโดปามีน ลดลงในการเที่ยวซ้ำในสถานที่เดิมๆของวันต่อๆมา
ช่วงเช้าของวันที่เหลือเราไม่ได้มีความกระตือรือล้นที่จะออกไปไหนโดยมีจุดหมายเป็นที่ตั้ง เพียงแต่ขี่รถไปเรื่อยๆตามแต่จะอยากแวะตรงที่ไหน บางทีก็จอดใต้ร่มไม้นั่งๆนอนๆดูสายลมพัดน้ำเกิดเป็นคลื่นกระทบฝั่ง พอเที่ยงวันแดดตรงหัวก็มักจะเข้าไปนั่งสวดภาวนาขอพรกับพระเจ้าหรือรูปปั้นเซนต์ต่างๆในโบสถ์ตามประสาพลเมืองวัยกลางคนที่ไม่ได้มีเงินเก็บหรือสินทรัพย์เพื่อการเกษียณ เผื่อจะนิมิตรเป็นตัวเลขใดใดในการเสี่ยงโชคเมื่อกลับถึงประเทศไทย (แต่ที่นี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเรื่องเล่าอภินิหารอย่างที่อื่นๆจากการสอบถามเจอรี่คนนำเที่ยวในวันแรก)
พื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทางตอนใต้เกาะส่วนใหญ่จะเงียบสงบ ความเจริญไม่ได้แผ่มาไกลจากตัวเมือง Basco คล้ายสัญญาณมือถือที่จางหายในแถบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ บ้างเป็นเนินผาหรือหาดหิน แต่ทว่าภาพธรรมชาติที่มีภูมิทัศน์อันน่าทึ่งของบางแห่งบนจุดชมวิว มันก็ทำให้ใจเราเต้นแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนพยายามมานั่งแยกแยะว่าสิ่งใดที่มันกระตุ้นให้ตัวเรามีความรู้สึกที่แตกต่างในการมา จนทำให้การหลั่งสารโดปามีนส่งสัญญาณความเพลิดเพลินทำงานหนักเบาไม่เท่ากันจากวันก่อนๆ
เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศใต้
Chawa View Deck
ที่นี่เป็นจุดแรกๆที่จะต้องจอดแวะชม เป็นวิวผาด้านตะวันตกของ เกาะบาตัน ทางทะเลฟิลิปปินส์ สามารถเห็น Basco Lighthouse อยู่ไกลๆได้เช่นกัน บันไดทางเดินลงไปสู่ทะเลด้านล่างไม่ได้นำท่านไปในที่วิเศษใดใด แต่มันได้ทำให้ใกล้ชิดคลื่นทะเลที่กระทบผาในระยะที่เปียกได้ในวันที่ลมแรง พลังคลื่นที่ยกตัวขึ้นลงเกิดเป็นเกลียวกระแทกหินมันดูแล้วน่าเกรงขามจริงๆ
Mahatao Boat Shelter Port
โครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่และมีมูลค่ามหาศาลบน เกาะบาตัน มันทำหน้าที่เป็นที่พักพิงแก่เรือที่มุ่งหน้าไปยัง Itbayat และเรือลำอื่น ๆ ในช่วงที่อากาศแปรปรวน เวิ้งท่าเรือเห็นได้จากถนนตรงยอดเขา เมื่อมองลงมามันดูสวยงามกว่าภาพที่เห็นในระยะใกล้ ความสำคัญของที่นี่ถูกลดทอนลงจากการสร้างท่าเรืออื่นๆทดแทน
Homoron Blue Lagoon and White Beach
ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม หรือ Spanish Lagoon เพราะย้อนกลับไปในยุคของสเปนมีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เพราะด้วยความที่เป็นเวิ้งอ่าวเล็กๆมีกำบังลมที่ไว้คอยกันคลื่นที่ซัดแรง จึงทำให้บ่อน้ำทะเลสีฟ้าเข้มปลอดภัยจากการถูกกลืนกินโดยคลื่นลม ในช่วงที่น้ำลงจัดๆจะเหลือแผ่นหินกว้างที่มีรูพรุน เมื่อเกิดคลื่นซัดเข้ามาใต้แผ่นหินจะเกิดน้ำพุพุ่งขึ้นเหมือนลมหายใจมังกร จากที่นี่จะมีโพรงถ้ำเล็กๆที่สามารถเดินเชื่อมไปถึงหาดทรายขาวได้ ที่มีคลื่นและทรายอันนุ่มนวลและน้ำที่ตื้นเขิน (เทียบกับชายหาดอื่นๆบนเกาะ) จึงทำให้ทั้งสองแห่งเป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่นที่จะมานั่งปิกนิกกับครอบครัวหรือลงเล่นน้ำกัน
San Carlos Borromeo Church
ทุกเมืองบนเกาะแห่งนี้จะมีโบสถ์ประจำท้องที่ แต่ความพิเศษของโบสถ์ซานคาร์ลอสโบรโรเมโอนั้นมีความสำคัญที่สุด มันถูกสร้างขึ้นในปี 1783 แต่หลังจากที่โดนพายุไต้ฝุ่นถล่มจึงมีการบูรณะและทำการก่อสร้างใหม่ด้วยวัสดุที่คงทนแข็งแรงในปี 1873 โบสถ์แห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมโดยคณะกรรมการวัฒนธรรมศิลปะและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (NCCA)
ใกล้กับทางเข้าโบสถ์จะมีห้องเก็บหนังสือ ซึ่งเสียค่าเข้าเยี่ยมชมต่างหาก ภายในจะเป็นชั้นที่มีสมุดเยี่ยม เราสามารถเลือกเล่มใดเล่มหนึ่งที่เราชอบแล้วหาหน้าที่ว่าง เขียนถึงเรื่องความประทับใจเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ หลายคนเขียนอธิษฐานถึงสิ่งที่ปรารถณาเพื่อขอพร เราไม่ได้เขียนอะไรลงไปมากมาย แต่แค่จำหมายเลขของสมุดดังกล่าวเอามาเสี่ยงโชคต่อที่ประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่เขียนลงไป
House of Dakay and the Old Spanish Bridge
สร้างขึ้นในปี 1887 เป็นบ้านหินที่เก่าแก่ที่สุดใน เกาะบาตัน เป็นหนึ่งในห้าบ้านหลังที่ยังอยู่หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.3 ริกเตอร์ในแถบนี้ ช่วงวันที่ 13 กันยายน 2461 โครงสร้างแบบดั้งเดิมที่มีความสวยงามไม่มีการดัดแปลงใดใดนอกจากหลังคาที่ต้องมุงใหม่ทุก 30 ปี ใกล้ๆกันฝั่งตรงข้ามจะมีสะพานสเปนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณานิคม
Honesty Coffee Shop
ร้านกาแฟ honesty coffee shop บริการตนเองทุกกระเบียดแม้กระทั่งตอนคิดเงิน เปิดให้บริการตั้งแต่ 1995 โดยความตั้งใจแรกของ Elena Castano-Gabilo ที่มีความตั้งใจในวัยเกษียณอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้นักเดินทางจากเกาะ Sabtang มีเครื่องดื่มหลังจากการเดินทาง หลังการเกษียณอายุ เธอก็ได้รับการอนุมัติจากทางการให้ตั้งเพิงและโต๊ะสำหรับการวางกระติกน้ำร้อน กาแฟ โถน้ำตาล หรือแม้กระทั่งเตาไฟที่ใครๆก็สามารถมาใช้งานได้ ในตอนเที่ยงเธอถึงจะเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยหรือเพิ่มเติมสิ่งของที่จำเป็น พอตอนเย็นค่อยมาเก็บทำความสะอาดและเก็บเงินที่ผู้คนต่างชำระโดยการวางทิ้งเอาไว้ จนตอนนี้มีการขยายร้านขายของที่ระลึก รวมทั้งขนมอบท้องถิ่นที่อร่อยและในราคาที่ถูก ด้วยความเรียบง่ายและใสซื่อของที่นี่ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา จนเสมือนเป็นการขัดเกลานิสัยใจคอในแง่ความสัตย์ซื่อให้แจ่มชัดและเบิกบานยิ่งขึ้น Honesty Coffee Shop ยืนหยัดทดสอบกาลเวลาและสะท้อนวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คน Ivatan ที่ทำให้ผู้คนอิ่มเอมในเชิงอุดมคติที่ยากจะหาได้ยิ่งไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน
Imnajbu Point: Alapad Pass and Rock Formation
ถนนตัดผ่านเนินเขาเล็ก ๆ เป็นช่องเขาที่เรียกว่า Alapad Pass จากที่นี่มีจุดชมวิวที่เห็นทิวทัศน์ของชายหาดทั้งสองด้าน โขดหินขนาดมหึมาทำให้เกิดน้ำทะเลซัดกร่อนเป็นรูปทรงแปลกๆ ทางด้านซ้ายจะเห็นซากปรักหักพังของสถานี USCG LORAN (สถานีทหารเรือเพื่อสังเกตุการณ์) เป็นศูนย์กลางของสิ่งที่เคยเป็น Little America ในช่วงยุคอเมริกันเข้ามายึดครอง ที่นี่เคยจะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์แต่ก็หยุดการดำเนินงานไปกลางคัน
Racuh a Payaman (Marlboro Country)
จุดชมวิว Racuh a Payaman หรือ Marlboro Country เป็นภูมิทัศน์ที่อลังกาลมากที่สุดสำหรับเรา ทุ่งหญ้ากว้างเป็นเนินสูงต่ำ ด้านล่างเป็นผาสูง มีภูเขาไฟ Iraya เป็นจุดตัดรับสายตาโดยมีทะเลแปซิฟิกเป็นฉากหลัง อีกด้านเห็น Tayid lighthouse บนเนินสูง มันสวยงามจนหลายคนขนานนามที่นี่ว่าเป็นนิวซีแลนด์แห่งฟิลิปปินส์ เหมือนในฉากภาพยนตร์ The Lord of the Rings เป็นความพิเศษที่หาได้ยากยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบนี้
ที่นี่เป็นทุ่งปศุสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไว้ใช้เลี้ยงวัวและควาย โดยกลุ่มเกษตรกร Mahatao หากเราเดินทางมาตามถนนเส้นหลักจะมีประตูที่ต้องคอยเปิดปิดทุกครั้ง เพื่อกันสัตว์เลี้ยงออกนอกพื้นที่ ทั้งยังมีป้ายเตือนนักท่องเที่ยว ที่ไม่ควรเข้าไปใกล้ฝูงสัตว์เลี้ยงจนเกินไป เพราะอาจจะโดนทำร้ายหรือสิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือทำให้พวกมันตกใจจนวิ่งตกหน้าผาตายยกฝูง(เหตุการณ์ในอดีตแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว)
ลมที่พัดเย็นกับวิวที่พิเศษแบบนี้ทำให้เราขี่รถมาที่นี่แทบจะทุกวัน มานั่งเพลินๆมองวิวจนผิวหน้าไหม้ ความเวิ้งว้างที่ไร้ร่มเงากับลมทะเลที่หนาวเย็น ชอบทำให้เราลืมตัวถึงแสงแดดที่กำลังแผดเผา เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ และทุกครั้งที่เพียงแค่เหลียวมอง…ก็ทำให้เราตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อมองสิ่งเดิมๆที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่รู้เบื่อ
Tayid Lighthouse
ประภาคาร Tayid ใน Mahatao เป็นหนึ่งในสามของสิ่งก่อสร้างที่ดึงดูดผู้คนให้มาเท่ียว เกาะบาตัน มากที่สุด สร้างขึ้นในปี 2000 แม้ว่าหน้าตาโครงสร้างของประภาคารจะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างมากมายจากที่อื่น (ที่นี่เป็นเหลี่ยมที่Bascoเป็นแบบกลมมน) แต่จุดที่ตั้งบนเนินเขาสูงก็ทำให้สามารถมองเห็นวิวมหาสมุทรแปซิฟิกได้อย่างสวยงาม เราแวะมาที่นี่ค่อนข้างบ่อย คนเฝ้าสถานที่เป็นคู่รักวัยกลางคนที่ใจดี ชวนเราคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อยทุกครั้งที่มา
Diura Fishing Village
เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ จากทางแยกเมือง Mahatao ไป 3 กิโลเมตร เรายังสามารถเห็นเวิ้งอ่าวของชุมชนแห่งนี้ ที่หันหน้าไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่ได้จากจุดชมวิว Marlboro Country หมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในพิธีกรรม Kapayvanuvanua ที่จะเป็นวิถีชีวิตแบบการจับปลาแบบดั้งเดิมเพื่อกำหนดช่วงเวลาให้สมดุลย์และมีความเคารพต่อท้องทะเล เป็นความชาญฉลาดที่จะอยู่ร่วมกันบนความยั่งยืนของวิถีชีวิตชาวอิวาตันที่งดงาม
ทางด้านในสุดของหมู่บ้าน จะมีที่จำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชม Spring of youth (100 เปโซ และถ้าหากต้องการลงน้ำด้วยต้องจ่ายเพิ่มอีก 100 เปโซ เงินทั้งหมดก็นำไปเพื่อใช้ในการบำรุงสถานที่และเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กในหมู่บ้าน) ถ้าขี่รถมอเตอร์ไซต์จะสามารถขับขึ้นเขาไปจอดตรงปากทางเข้าแล้วเดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะถึงบ่อน้ำแห่งนี้ เราเข้าไปอ่านรีวิวของสถานที่นี้ หลายคนไม่ได้ปลาบปลื้มกับสิ่งที่เห็นมากนะ เพราะน้ำที่ไหลมาก็เป็นเพียงน้ำเย็นๆมาจากภูเขา ไม่ใช่น้ำแร่หรือน้ำพุร้อนแต่อย่างใด ตัวเราลังเลเมื่อแรกถึง แต่เมื่อได้ลงไปแช่แล้วก็ชื่นใจกับวิวที่พิเศษมากๆถึงแม้น้ำจะเย็น
แน่นอนที่สุดกับวิวทิวทัศน์อันพิเศษบน เกาะบาตัน จนทำให้ภาพที่เห็นไปกระตุ้น เอนดอร์ฟิน จนสร้างความคุ้มค่าให้กับการท่องเที่ยวได้ถึงที่สุด แต่สิ่งที่จะไม่เอ่ยปากชมอีกครั้งหนึ่งไม่ได้เลยก็คือบรรยากาศอันรื่นรมย์จากคนในพื้นที่ แม้การที่เมืองมีสถิติตามคำกล่าวอ้างถึงอาชญากรรมจะเป็นศูนย์ ก็ไม่อาจสร้างความสบายใจให้กับเราเท่ากับการได้มาสัมผัสจริง ไม่ต้องพูดไปถึงขนาดเรื่องลักโขมยหรือจี้ปล้น แค่เศรษฐกิจและศีลธรรมที่ดีงามได้สร้างมาตรฐานให้ผู้คนไม่ต้องแย่งชิงหรือคดโกง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมที่คอยทิ่มแทงให้ต้องเจ็บใจแค่นี้ก็คงจะเพียงพอ คนท้องถิ่นได้ประกอบกิจการต่างๆโดยไม่ได้เป็นแค่ลูกจ้างให้นายทุน เงินที่หมุนเวียนไม่ได้ถูกดึงดูดออกไปไหนไกลจนไม่แลเห็นแหล่งต้นตอ ความอุดมสมบูรณ์มีมากพอให้คนได้เก็บเกี่ยวโดยไม่ต้องจากไปไหน หรืออีกแง่ที่นี่ก็ไม่ได้ฉูดฉาดจนดึงดูดให้ผู้แสวงหาจากภายนอกต้องพรัดพรากจากที่อื่นๆมาทำงาน บรรยากาศความเป็นครอบครัวที่ไม่ได้ต้องดิ้นรนจนล่มสลายจึงไม่ค่อยมีในพื้นที่
สมมุติว่าที่นี่ไม่มี Honesty Coffee Shop มาตรฐานความไว้วางใจในการใช้ชีวิตสำหรับคนแปลกหน้าที่มาใหม่สำหรับการท่องเที่ยวบน หมู่เกาะบาตาเนส ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องกังวล เราเคยเทียบการปรับตัวในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยของนักเดินทางในหมู่เพื่อนๆเอาไว้ว่า ความตื่นกลัว กังวล ใดใดในข้อมูลที่เจือจางมันสร้างความตระหนกให้กับเราตอนที่เดินทางมาถึงใหม่ ใจที่เต้นตึกตักเหมือนวัยรุ่นต้องการไปซื้อหนังสือโป๊มือสองในซอยเปลี่ยวถูกยกขึ้นมาเพื่อเปรียบเทียบ ผู้ขายที่เจนจัดอาศัยความประหม่าของเด็กน้อยเพื่อผลกำไรแบบไม่มุสาจึงบังเกิด สินค้า 1 เล่ม 30 แต่ 3 เล่ม 100 กลายเป็นผลคำนวณใหม่ทางคณิตศาสตร์ ความหูดับตามัวในวัยกระเตาะที่บวกกับความกลัวและเขินอายจนทำให้จ่ายไปแบบไม่ทันคิด หลายคนใช้ตรรกะแห่งความไม่รู้และตื่นตระหนกมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนแปลกหน้าต่างเดินทางมาแล้วก็จากไป เมื่อสิ่งที่กล่าวมาไม่มีในพื้นที่ ความสบายใจที่เกิดขึ้นจึงเป็นอีกส่วนหนึ่งของความพิเศษที่จะกระตุ้นการปล่อย สารโดปามีน สร้างความสุขของการได้มาเที่ยว หมู่เกาะบาตาเนส ที่จะไม่กล่าวถึงก็คงไม่ได้
อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ
ตอนที่ 2 เที่ยวฟิลิปปินส์ หมู่เกาะบาตาเนส Batanes 14 วัน – เกาะบาตัน แหล่งท่องเที่ยวทางด้านทิศเหนือ