ทะเลสาบบาเบ๋ Ba Be Lake ความโกรธแค้นของมังกร

REMINDING ME: Ba Be Lake ,Bac Kan Vietnam

ตอนที่ 1 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน

   ทะเลสาบบาเบ๋ มีพื้นที่ทั้งหมด 5 ล้านตารางกิโลเมตรโดยมีระดับน้ำลึกที่สุดถึง 35 เมตร ทะเลสาบตั้งอยู่บนความสูง 145 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลโดยมีความยาว 8 กิโลเมตรปกคลุมไปด้วยภูเขาหินปูน ป่า ถ้ำและระบบธารน้ำใต้ดิน 

“ทะเลสาบบาเบ๋ ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ใจหวั่นไหวเมื่อเปรียบเทียบกับที่อื่นๆในเวียดนามที่ได้ไปมา แต่ความเงียบๆเรียบสงบและผู้คนที่ใจดี ก็ขวนให้คิดถึงได้เหมือนกัน”

ตำนานการเกิด ทะเลสาบบาเบ๋

 “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงชราที่เป็นโรคเรื้อนไปเที่ยวงานเทศกาลที่จัดขึ้นโดยชาวบ้านน้ำเมา แต่เธอก็ถูกแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์จากชาวบ้านด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่เธอเป็น จะมีก็แต่หญิงม่ายและลูกชายของเธอที่ได้แสดงความเมตตาแก่หญิงชราผู้น่าสงสารและเชื้อเชิญเธอให้ไปพักที่บ้านของพวกเขา ในเวลาเที่ยงคืนพวกเขาทั้งสองถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงคำรามอันดัง พวกเขาพบมังกรแทนที่จะเป็นหญิงโรคเรื้อนดังกล่าว เมื่อถึงเวลาเช้าหญิงชราบอกความจริงกับเธอว่า เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าที่ลงมาเพื่อทดสอบจิตใจความดีงามชาวบ้านและตัดสินใจลงโทษพวกเขาด้วยภัยพิบัติครั้งใหญ่ ซึ่งหลังจากหายนะที่เกิดขึ้นก็จะมีเพียงหญิงม่ายและลูกชายของเธอที่รอดพ้นจาเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนจากไปเธอได้มอบเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้จำนวนหนึ่ง เพื่อไว้เพาะปลูกหล่อเลี้ยงผู้คนที่ยังหลงเหลือต่อไปในภายภาคหน้า หลังจากน้ำท่วมหายไป หุบเขาขนาดใหญ่ก็กลายเป็นทะเลสาบอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าบาเบ๋ เหมือนอย่างทุกวันนี้”

 เรื่องตำนานไม่ได้เป็นส่วนที่ดึงดูดเราให้มาที่นี่ ถึงแม้จะฟังดูสนุกสนานดี และเรื่องความใหญ่โตของทะเลสาบก็ไม่มีผลสร้างแรงจูงใจสักเท่าไหร่… 

“แต่การจัดอันดับให้ทะเลสาบแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกต่างหากที่ทำให้เราหูผึ่ง และปักหมุดที่นี่ในแผนการเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามเหนือในครั้งนี้ “

ที่นี่จะมีท่าเรือหลักๆอยู่สองแห่ง คือตรงหน้าทางเข้าหลักที่มีด่านทำการอุทยาน และอีกฝั่งที่บ้านน้ำเมาอยู่ตรงข้ามกัน

 

การเดินทางจากฮานอย – ทะเลสาบบาเบ๋

แรกเริ่มที่หาข้อมูลการเดินทางไปยังทะเลสาบ ถ้าเริ่มจากฮานอยในช่วงเช้าจะต้องต่อรถถึงสามเที่ยว ค่าใช้จ่ายที่สอบถามจากคนท้องถิ่นบอกว่าน่าจะประมาณ 400,000 vnd เราเลยเปลี่ยนใจลองใช้บริการของ  vietnamlocalbus.com   ซึ่งค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 20 usd รวมค่าธรรมเนียมอีก  1 usd ทั้งหมดก็เกือบๆ 500,00 vnd ซึ่งถ้าต้องจ่ายค่าแท็กซี่จากโรงแรมมาที่ท่ารถ Mỹ Đình หมีดิ่ญ ก็คงจะพอๆกัน

เราเริ่มออกจากโรงแรมตั้งแต่ 08.00 และการสนทนาภาษาอังกฤษจะสิ้นสุดลงเมื่อเราก้าวขึ้นรถยนต์ เธอที่มาจาก vietnam local bus บอกอธิบายถึงการเดินทางคร่าวๆเหมือนในอีเมล์ที่ได้รับและจ่ายเงินให้กับคนขับแล้วโบกมือลา เรามาถึง Mỹ Đình เกือบ 09.00 พอลงที่หน้าขนส่งจะมีคนมารับตัวและส่งถ่ายเงินต่อพาเดินเข้าไปจนถึงตัวรถ คนขับเป็นคุณลุงใจดี คอยบอกให้เรานั่งตรงนี้ ชี้ให้กินน้ำ หรือเราเดินออกไปสูบบุหรี่ก็จะคอยกวักมือเรียกไม่ให้พ้นสายตาด้วยความเป็นห่วง (ท่ารถที่นี่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องของความไม่น่าไว้วางใจในเรื่องต่างๆพอสมควร)  10 โมงกว่ารถถึงได้ออกตัว รถโดยสารขนาดเล็กแบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะคอยรับส่งสินค้าพัสดุด้วย กว่าจะได้ออกนอกเมืองฮานอยก็ต้องตระเวนไปตามที่ต่างๆนานอยู่ไม่น้อย ตอนเที่ยงครึ่งเราก็มาถึงท่ารถ Thái Nguyên ไทเหงียน และถูกส่งต่อขึ้นรถอีกคันเพื่อไปที่ Bắc Kạn บั๊กกั่น ในตอนบ่ายสามโมง ไม่ได้เข้าห้องน้ำหรือมีอาหารตกถึงท้องเลยตั้งแต่เช้า รถคันนี้ค่อนข้างเก่าจนแอร์ไม่สามารถเปิดใช้การได้ ต้องคอยเปิดๆปิดๆหน้าต่างกันฝุ่นที่ฟุ้งจากการทำถนนตลอดทั้งเส้นทาง ฝนที่ตั้งเค้ามามืดเริ่มลงเม็ดและตกแรงขึ้น เสียงสายฟ้าฟาดลงมาที่ต้นไม้ข้างทางดังจนน่าหวาดเสียว เด็กรถมาถามเราว่าพักที่ไหนอยู่หลายครั้งกว่าที่จะเข้าใจกัน เราบอกยังไม่ได้จองแต่ก็เอ่ยชื่อที่พักไปสองแห่งเท่าที่จำได้ คนในรถเริ่มบางตาสวนทางกับฝนที่กระหน่ำลงมา บางช่วงรถต้องจอดถอยขยับไปมาอยู่หลายทีเพื่อให้พ้นบ่อโคลน เด็กรถคนเดิมส่งโทรศัพท์มาให้มีเสียงพูดภาษาอังกฤษมาตามสาย บอกว่าถนนช่วงเข้าทะเลสาบกำลังซ่อม รถบัสไม่สามารถเข้าถึงได้ ส่วนที่พักที่เรากล่าวถึงกับเด็กรถวันนี้มีแขกพักเต็ม แต่ตัวเขาจะส่งน้องชายมารับไปพักที่โฮมสเตย์อื่น เราได้แต่ถอนหายใจกับมุกพวกนี้แบบไม่ค่อยสนิทใจเชื่อนัก แต่ก็ได้ตอบตกลงพร้อมข้อแม้ว่าถ้าไม่สบายใจในราคาจะขอจ่ายแค่ค่ารถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น เราอยู่บนรถเป็นคนสุดท้าย ห่อกระเป๋าและเริ่มใส่เสื้อกันฝน รถแล่นมาจนถึงเนินหินที่ดูเป็นจริงดั่งคนในโทรศัพท์ว่า ถนนที่กำลังก่อสร้างซ่อมแซมทำให้เราสิ้นสุดทางเลือก เราซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ที่เค้าว่าเป็นน้องชายกับคนในสายที่มาดักรอรับอย่างทุลักทุเล โคลนบนถนนทำให้รถลื่นเกือบล้มอยู่หลายที เราเห็นใจและลุ้นไปกับคนขี่ตลอดทาง เพียงแค่สองกิโมเมตร แต่มันช่างทรมานยิ่งกว่าการนั่งรถมาทั้งวันเสียอีก

โฮมสเตย์ที่คนขับมาส่งดูไม่ได้แย่ ซึ่งเป็นกิจการของเจ้าตัวเค้าเอง แต่ราคาสูงกว่าปกติไปประมาณเกือบ 100,000 vnd เมื่อรวมๆกับค่าอาหาร โดยส่วนตัวเราอยากพักบ้านคนเชื้อชาติไต (Tay)แถวหมู่บ้าน ปัคงอย มากกว่า แต่ฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ที่สำคัญเราเองก็ยังไม่รู้ว่าเราอยู่ส่วนไหนของทะเลสาบ เมื่อเห็นรอยยิ้มของเจ้าของบ้านทั้งสามีภรรยาและเด็กน้อย ก็ทำให้เราตอบตกลงพักที่นี่หนึ่งคืนอย่างไม่อิดออดอะไร 

รถเที่ยวเช้าที่ไป Thai Nguyen ซึ่งจริงๆแล้วในรอบเที่ยงก็มีรถใหญ่ไปลงที่ Bac Kan ได้เลย แต่เรากลัวไปไม่ถึงทะเลสาบก่อนที่จะมืดค่ำ จึงตัดสินใจไปเที่ยวที่เช้าสุดของวัน
คุณลุงคนขับที่นั่งรอเวลาตรงร้านน้ำ แกดูเป็นมิตรและใจดี มาที่นี่ในตอนกลางวันมันช่างแตกต่างจากตีสามในครั้งก่อน ต้องบอกว่าแอบกลัวและไม่สบายใจนิดๆเมื่อต้องมาที่นี่

 

แหล่งท่องเที่ยวใน ทะเลสาบบาเบ๋

หลังทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เก็บกระเป๋าแล้วฝากวางไว้ที่โฮมสเตย์ เพื่อออกเดินสำรวจแบบตัวเปล่าๆก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร ทั้งในเรื่องที่พักใหม่หรือการเดินทางเที่ยวรอบๆทะเลสาบ เมื่อเปิดแผนที่ดูก็แอบงง ทำไมเรามาอยู่ที่บ้านน้ำเมาโดยไม่ต้องข้ามเรือมาได้อย่างไร ปกติจุดรับส่งนักท่องเที่ยวหลักจะอยู่อีกฝากหนึ่งซึ่งจะมีด่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติ และมีเรือรับจ้างจอดอยู่ 

เราเดินไปตามทางเล็กๆอ้อมไปตามทะเลสาบ  ความรู้สึกที่นับตั้งแต่เมื่อหัวค่ำที่มาถึง จนตอนนี้เกือบจะสิบโมงเช้าเข้าไปแล้ว หากเราเผลอๆเหม่อๆหน่อยก็จะพลอยคิดว่าอยู่ที่เขื่อนแถวๆบ้านเรา โดยที่ไม่ได้รู้สึกใจเต้นตูมตามตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เป็นไรเราอาจจะยังไม่เจอ…ไปยังไม่ถึง…เราได้แต่บอกตัวเอง

บ้านโฮมสเตย์ที่หมายตาไว้อยู่โดดห่างออกไปอย่างเงียบเหงา  เราเลยเดินย้อนกลับมาทางท่าเรือเพื่อหาอะไรกินเป็นมื้อกลางวัน บ้านหรือร้านส่วนใหญ่ปิดเงียบไม่มีวี่แววของการค้าขาย เราเลยไปสอบถามที่พักแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตึกริมน้ำในเรื่องอาหาร เธอเปิด Google Translate พูดคุยกับเราเพื่อชักชวนให้มาทานด้วยกันกับครอบครัวของเธออย่างเป็นมิตร(หรือเธอเห็นเราเป็นหญิงชราขี้เรื้อน) มื้อกลางวันผ่านไปด้วยความสนุกสนานโดยมีล่ามเป็นโทรศัพท์มือถือ พวกเค้าไม่ได้คิดค่าอาหารมื้อดังกล่าว เราจึงเอ่ยปากสอบถามเรื่องที่พักในคืนนี้กับว่าจ้างเรือเพื่อท่องเที่ยวรอบๆทะเลสาบด้วยความรู้สึกขอบคุณ ถึงที่พักที่นี่จะเป็นตึกในแบบที่เราไม่ได้ตั้งใจหา แต่วิวตรงชั้นสองที่เป็นระเบียงก็เห็นวิวทะเลสาบสวยเอามากๆเลยทีเดียว (Son Lam guesthouse Ba Be lake view)

วิวจากระเบียงของ Son Lam guesthouse
ซึ่งห้องพักที่เราเลือกไม่มีหน้าต่าง เป็นห้องที่ถูกที่สุด ต้องเดินออกมาตรงระเบียงกลาง ที่เป็นโต๊ะทานข้าวเพื่อมาชมวิว

 

ท่าเรือที่บ้านน้ำเมา

บ่ายโมงเราออกเดินไปขึ้นเรือซึ่งเราเลือกที่จะไปทุกที่ที่อยู่ในลิส ด้วยราคา 800,000 vnd โดยคนขับเป็นคุณพ่อบ้าน เมื่อเรือออกแล่นก็เริ่มมีลมเย็นๆพัดเข้ามา อากาศในปลายสิงหาคมที่นี่ถือว่าร้อนอบอ้าวมากถ้าฝนไม่ตก ความรู้สึกหวือหวาไม่ได้มีเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด สองข้างทางมีภูมิประเทศที่เราตวงวัดจากสายตาไม่มีความต่างจากบ้านเรา แต่จะว่าไปเราก็สัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายของสถานที่นี้ได้จางๆอยู่เหมือนกัน เรือล่องไปตามทะเลสาบผ่านภูเขาหินปูนจนออกแม่น้ำนัง Năng ล่องย้อนขึ้นไปจนถึงถ้ำปวง  Puông เป็นถ้ำที่มีแม่น้ำไหลทะลุผ่าน  เมื่อเรือจอดเทียบเราก็เดินตามทางจนไปทะลุอีกฝั่งนึงได้ 

ปากทางเข้าถ้ำที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ขนาดความกว้างใหญ่ของที่นี่ก็ทำให้รู้สึกเคว้งคว้างดี
ถ้าใครจะมาที่นี่ถึงแม้มันจะไม่มืดมากแต่เตรียมไฟฉายมาด้วยก็ดี
หินงอกหินย้อยไม่ค่อยมี แต่แสงที่รอดผ่านจากสองฝั่งทำให้เกิดความสวยงามแปลกตาดูกราฟิกดี

เรือแล่นย้อนกลับมาทางเก่าตามแม่น้ำไปยังหมู่บ้านกาม Bản Cam เพื่อเดินไปยังน้ำตก  เดิวดั่ง Đầu Đẳng เมื่อเรือจอดเทียบท่า มีเพียงแต่เราที่เดินเท้าไปยังน้ำตกเพียงคนเดียว ระยะทางไม่ได้ไกลมาก แต่ก็วังเวงแปลกๆ เมื่อเดินจนถึงน้ำตก เราก็ยืนดูด้วยใจที่หวั่นๆ น้ำมันดูแรงสีเข้มจนน่ากลัว แม่น้ำนังทั้งสายที่เรือแล่นมามีปลายทางเป็นน้ำตก ตอนหาข้อมูลมีทัวร์พายเรือคายัคมาถึงนี่ ในใจคิดว่าจะมีกี่คนที่ทำได้โดยที่ไม่ร้องขอชีวิต มันไกลและน้ำดูเชี่ยวจนคนธรรมดาไม่สามารถแน่ หรือเค้าอาจจะพายกันในหน้าหนาวที่น้ำไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนี้ เรายืนคิดเพ้อเจ้ออยู่นานจนเมฆฝนเริ่มก่อตัว ยิ่งทำให้ทางเดินกลับดูเหงาและน่ากลัวกว่าเดิม เมื่อมาถึงท่าเรือมีคุณยาย น้าๆ ป้าๆ ที่หน้าตาคล้ายๆคนบ้านเรา ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นคนเชื้อชาติไตขายของอยู่จึงทำให้ค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงหน่อย พ่อบ้านคนขับเรือกวักมือชวนให้มากินหอย แต่เราไปซื้อกล้วยปิ้งเย็นๆแล้วค่อยมานั่งร่วมวงด้วย ฝนที่ทำท่าจะตกแต่ก็ไม่ตกสร้างบรรยากาศอึมครึมต่างจากรอยยิ้มของชาวบ้านอย่างสิ้นเชิง

ท่าเรือหมู่บ้านกาม Bản Cam จอดเทียบเรือเพื่อเดินไปน้ำตก

 

ทางเดินเลียบแม่น้ำจากหมู่บ้านเพื่อเดินไปยังน้ำตก

 

หน้าฝนทุกอย่างดูเขียวชอุ่มสดชื่นดี

 

แม่น้ำที่ไหลมานิ่งๆจู่ๆก็กลายเป็นน้ำตกที่ดูน่ากลัว

 

ใบไม้ที่ถูกหอยทากกัดกิน

 

หนอนตากแห้ง

 

หอยที่พ่อบ้านคนขับเรือชวนเรากิน

 

สมุนไพรและน้ำผึ้งเป็นของฝากที่นิยมขายกัน

เรือแล่นฝ่าฝนปรอยๆมาตามแม่น้ำตัดผ่านกลับเข้าทะเลสาบ เข้ามาจอดเทียบท่าเพื่อเดินเท้าต่อไปยังสระนางฟ้า ตลอดสองข้างทางมีร้านขายของที่ดูหงอยเหงา เมื่อเดินมาถึงจะเป็นทะเลสาบเล็กที่ถูกปิดล้อมไปด้วยขุนเขา เป็นสระนางฟ้าที่มอบไว้ให้กับผู้คนไว้คอยหลบเมื่อมีพายุใหญ่ เรายืนงงกับภาพที่เห็น น้ำดูสีเหลืองแปลกๆเหมือนเน่าบูด ในใจคิดหรือเรายังเดินไปไม่ถึงสระนางฟ้าที่ว่า เดินอ้อมทางเล็กๆไปทางซ้ายกลับมาทางขวาจนสุดทางก็ไม่เห็นมีทางไปต่อ มีแต่กลิ่นปัสสาวะและขยะตลอดทาง เรากะว่าจะเดินกลับแต่เห็นรอยยิ้มของป้าคนขายกล้วยเลยหยุดอุดหนุนแกอีกสามไม้ กล้วยปิ้งที่นี่หวานหอมอร่อยกว่าที่ตาเห็น เรานั่งมองสระนางฟ้าที่เป็นทะเลสาบปิดด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น การรักษาสภาพแวดล้อมโดยที่มีมนุษย์เข้ามายุ่งเกี่ยวเป็นเรื่องที่ต้องระวัง   หวังว่าที่นี่คงจะไม่เป็นไรและหายดีจากความเสื่อมโทรม  

เรือที่แล่นฝ่าฝนปรอยๆเพื่อกลับเข้าไปในทะเลสาบ

 

สระนางฟ้าที่ตอนนี้มีสีและกลิ่นแปลกๆ

 

ร้านค้าที่อยู่ตรงสระนางฟ้า

เรือแล่นต่อกลับมาทางฝั่งแวะเกาะกลางน้ำที่เป็นที่ตั้งของวัดอานมา An Ma เชื่อกันว่าเกาะแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของหญิงม่ายและลูกชายหลังจากที่ช่วยผู้คนที่หมู่บ้านน้ำเมา เมื่อหญิงม่ายเสียชีวิตผู้คนสร้างวิหารเพื่อบูชาและระลึกถึงการทำความดีของเธอ เป็นประจำทุกปีชาวบ้านที่นี่จัดงานเทศกาลเพื่อขอให้โชคลาภและความสงบสุขในวันที่ 6 ของเดือนจันทรคติที่สองของปี

วิหารเล็กๆที่ตั้งอยู่บนยอดเขา

 

รูปปั้นเคารพที่เราเดาว่าจะเป็นแม่ม่าย

 

มีคนตกปลาแถวท่าเรือใกล้วัด แต่เท่าที่ถามดู เหมือนว่าปลาในแม่น้ำจะชุกชุมกว่าในทะเลสาบ

    เมื่อครบที่เที่ยวหมดแล้วเรือจึงกลับมาเทียบท่าที่บ้านน้ำเมา เราพิมพ์ข้อความลงใน Google translate บอกพ่อบ้านคนขับเรือว่า วิวจากบ้านของคุณสวยที่สุดแล้ว เค้าหัวเราะดังออกมาก่อนจะพาเราไปซื้อปลาที่แถวท่าเรือก่อนกลับบ้าน เมื่อยังพอมีเวลา เราออกเดินเล่นแถวนั้นต่ออีกหน่อย เจอสองสามีภรรยาชาวนิวซีแลนด์ที่พักที่เดียวกัน มอเตอร์ไซค์คือยานพาหนะที่ใช้ท่องเที่ยวทางเวียดนามเหนือของพวกเค้า ถึงทั้งคู่จะมีอายุเยอะ  แต่วิธีการท่องเที่ยวเพื่อหนีหนาวจากบ้านเกิดตลอดสามเดือนมันทำให้เราต้องทึ่ง

เรากลับมาคุยกันต่อตอนทานข้าวเย็น แลกเปลี่ยนข้อมูลและดูรูปของกันและกัน ทั้งคู่ดูหลงรักภูมิประเทศและผู้คนในแถบนี้มาก พวกเค้าเป็นนักเดินทางที่สนับสนุนกิจการคนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนที่เราชื่นชม ถึงกระนั้นตัวภรรยาก็จะมีปัญหาบางอย่างกับคนที่นี่มาโดยตลอด นั่นก็คือ อาหารแทบจะทุกมื้อที่จัดชุดในเวียดนามมันช่างเยอะแยะมากมายจนกินไม่หมด เกิดความเสียดายทุกครั้งที่กินเหลือ ถึงแม้จะเน้นย้ำในตอนสั่งแล้วก็ตาม   คราวนี้เราเลยตกลงกันว่าจะสั่งอาหารมาแค่สำหรับคนสองคนแล้วค่อยมาแบ่งกัน ซึ่งท้ายที่สุดพวกเราสามคนก็กินกันไม่หมดอยู่ดี อาหารชุดในเวียดนามเหนือแม่ครัวมือหนักและใจดีกันจริงๆ  

หลายคนเลือกที่จะขี่จักรยานหรือเดินเล่นไปตามทางเล็กๆเพื่อไปตามที่ต่างๆ

 

ถึงจะคล้ายบ้านเรา แต่ที่นี่ก็สวยสงบเงียบดี

 

บรรยากาศตอนเย็นที่ระเบียงบ้านพัก

อ่านติดตามตอนอื่นๆของทริปนี้ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างครับ

ตอนที่ 2 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน – น้ำตกบั่นซก Ban Gioc อลังการน้ำตกกั้นพรมแดน
ตอนที่ 3 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน – แหม่ววั่ก Meo Vac เมืองเล็กๆในหุบเขา
ตอนที่ 4 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน –ดงวัน Dong Vang เมืองที่เราหลงรักที่สุดในเวียดนาม
ตอนที่ 5 เที่ยวเวียดนามเหนือ 14 วัน –ดงวัน Dong Van รางวัลชีวิตสำหรับนักเดินทาง
 
 
image0repeat1201

Rent Exclusive Car

For your special moment

flipInXimagerepeat111111xlargeoutlinebuttons-horizontalArrayimage0repeat1201

Rent Exclusive Car

For your special moment

flipInXimagerepeat111111xlargeoutlinebuttons-horizontalArrayimagerepeatleft-topfont_color_solid011topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบ

1#ffffff2020custom46leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Beginning of My Photography Journey

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

Photography gallery

imagerepeatleft-topfont_color_solid011topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบ

1#ffffff2020custom46leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Beginning of My Photography Journey

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

Photography gallery

imagerepeatleft-topfont_color_solid011topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบ

1#ffffff2020custom46leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Beginning of My Photography Journey

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

Photography gallery

imagerepeatleft-topfont_color_solid011topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบ

1#ffffff2020custom46leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Beginning of My Photography Journey

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

Photography gallery

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบบาเบ๋

\"นางฟ้าได้ปลอมตัวลงมาในร่างของหญิงชรา ได้ทำนายทายทักให้กับชาวบ้านถึงเหตุการณ์หายนะจากพายุครั้งใหญ่ แต่ทว่าก็ไม่มีใครสนใจเชื่อในเรื่องดังกล่าว ตัวเธอเองจึงทำได้เพียงต่อเรือลำใหญ่โดยที่มีแม่และลูกสาวที่คอยช่วย ครั้นเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น ครอบครัวเธอจึงสามารถช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านเอาไว้ได้ทัน และก่อนที่จะกลับสู่สวรรค์ก็ได้ทิ้งทะเลสาบบาเบ๋ (ทะเลสาบทั้งสาม) ไว้ให้กับพวกมนุษย์เพื่อไว้หลบพายุในภายภาคหน้า\"

เรื่องนี้มันช่างคล้ายๆกับตำนานทะเลสาบอินดอจีในพม่าอยู่เหมือนกัน เราสงสัยว่าทำไมถึงต้องจำแลงแปลงกายเป็นหญิงชรา หากอยู่ในร่างของนางฟ้าที่สวยงามผู้คนก็อาจจะเชื่อนางมากขึ้น...อย่างน้อยคงได้แรงงานผู้ชายมาช่วยสร้างเรือให้เร็วขึ้น แต่ยังไงก็ช่าง เรื่องตำนานไม่ได้เป็นส่วนที่ดึงดูดเราให้มาที่นี่ เรื่องความใหญ่โตของทะเลสาบก็ไม่มีผลสร้างแรงจูงใจสักเท่าไหร่... 

2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

\"แต่การจัดอันดับให้ทะเลสาบแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกต่างหากที่ทำให้เราหูผึ่ง และปักหมุดที่นี่ในแผนการเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามเหนือในครั้งนี้ \"

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบบาเบ๋

\"นางฟ้าได้ปลอมตัวลงมาในร่างของหญิงชรา ได้ทำนายทายทักให้กับชาวบ้านถึงเหตุการณ์หายนะจากพายุครั้งใหญ่ แต่ทว่าก็ไม่มีใครสนใจเชื่อในเรื่องดังกล่าว ตัวเธอเองจึงทำได้เพียงต่อเรือลำใหญ่โดยที่มีแม่และลูกสาวที่คอยช่วย ครั้นเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น ครอบครัวเธอจึงสามารถช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านเอาไว้ได้ทัน และก่อนที่จะกลับสู่สวรรค์ก็ได้ทิ้งทะเลสาบบาเบ๋ (ทะเลสาบทั้งสาม) ไว้ให้กับพวกมนุษย์เพื่อไว้หลบพายุในภายภาคหน้า\"

เรื่องนี้มันช่างคล้ายๆกับตำนานทะเลสาบอินดอจีในพม่าอยู่เหมือนกัน เราสงสัยว่าทำไมถึงต้องจำแลงแปลงกายเป็นหญิงชรา หากอยู่ในร่างของนางฟ้าที่สวยงามผู้คนก็อาจจะเชื่อนางมากขึ้น...อย่างน้อยคงได้แรงงานผู้ชายมาช่วยสร้างเรือให้เร็วขึ้น แต่ยังไงก็ช่าง เรื่องตำนานไม่ได้เป็นส่วนที่ดึงดูดเราให้มาที่นี่ เรื่องความใหญ่โตของทะเลสาบก็ไม่มีผลสร้างแรงจูงใจสักเท่าไหร่... 

2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

\"แต่การจัดอันดับให้ทะเลสาบแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกต่างหากที่ทำให้เราหูผึ่ง และปักหมุดที่นี่ในแผนการเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามเหนือในครั้งนี้ \"

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

ตำนานการเกิดทะเลสาบบาเบ๋

\"นางฟ้าได้ปลอมตัวลงมาในร่างของหญิงชรา ได้ทำนายทายทักให้กับชาวบ้านถึงเหตุการณ์หายนะจากพายุครั้งใหญ่ แต่ทว่าก็ไม่มีใครสนใจเชื่อในเรื่องดังกล่าว ตัวเธอเองจึงทำได้เพียงต่อเรือลำใหญ่โดยที่มีแม่และลูกสาวที่คอยช่วย ครั้นเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้น ครอบครัวเธอจึงสามารถช่วยเหลือชีวิตชาวบ้านเอาไว้ได้ทัน และก่อนที่จะกลับสู่สวรรค์ก็ได้ทิ้งทะเลสาบบาเบ๋ (ทะเลสาบทั้งสาม) ไว้ให้กับพวกมนุษย์เพื่อไว้หลบพายุในภายภาคหน้า\"

เรื่องนี้มันช่างคล้ายๆกับตำนานทะเลสาบอินดอจีในพม่าอยู่เหมือนกัน เราสงสัยว่าทำไมถึงต้องจำแลงแปลงกายเป็นหญิงชรา หากอยู่ในร่างของนางฟ้าที่สวยงามผู้คนก็อาจจะเชื่อนางมากขึ้น...อย่างน้อยคงได้แรงงานผู้ชายมาช่วยสร้างเรือให้เร็วขึ้น แต่ยังไงก็ช่าง เรื่องตำนานไม่ได้เป็นส่วนที่ดึงดูดเราให้มาที่นี่ เรื่องความใหญ่โตของทะเลสาบก็ไม่มีผลสร้างแรงจูงใจสักเท่าไหร่... 

2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solidfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

\"แต่การจัดอันดับให้ทะเลสาบแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 10 ทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลกต่างหากที่ทำให้เราหูผึ่ง และปักหมุดที่นี่ในแผนการเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามเหนือในครั้งนี้ \"

imagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Next Chapter

Travelling through Iceland, one of the most harsh yet beautiful island countries struck me like ice through the heart. Southeast Asia got my heart pumping. Though it\'s long been on the travellers’ trail, it doesn’t take too much to get off the beaten track – whether it’s to discover that perfect beach or to delve into the lush surrounds of the rainforest. Overlooking the city of Battambang in Cambodia with my DSLR at the ready, I became entranced with a million different stories I could imagine, etched on each person\'s face.

imagerepeatleft-topfont_color_solid11top.8emnormalnoneicon_position_righticon_horizontalArray2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Next Chapter

Travelling through Iceland, one of the most harsh yet beautiful island countries struck me like ice through the heart. Southeast Asia got my heart pumping. Though it\'s long been on the travellers’ trail, it doesn’t take too much to get off the beaten track – whether it’s to discover that perfect beach or to delve into the lush surrounds of the rainforest. Overlooking the city of Battambang in Cambodia with my DSLR at the ready, I became entranced with a million different stories I could imagine, etched on each person\'s face.

imagerepeatleft-topfont_color_solid11top.8emnormalnoneicon_position_righticon_horizontalArray2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11top

The Next Chapter

Travelling through Iceland, one of the most harsh yet beautiful island countries struck me like ice through the heart. Southeast Asia got my heart pumping. Though it\'s long been on the travellers’ trail, it doesn’t take too much to get off the beaten track – whether it’s to discover that perfect beach or to delve into the lush surrounds of the rainforest. Overlooking the city of Battambang in Cambodia with my DSLR at the ready, I became entranced with a million different stories I could imagine, etched on each person\'s face.

imagerepeatleft-topfont_color_solid11top.8emnormalnoneicon_position_righticon_horizontalArray2#d2d5d750custom112leftimagerepeatleft-topfont_color_solid11topfont_color_h1_solidfont_color_h2_solidfont_color_h3_solid2emfont_color_h4_solidfont_color_h5_solidfont_color_h6_solid11topArray

Sunset in Paradise

It didn\'t have to be that perfect beach or the humid rainforest to make me realize. It was that moment of pause - to think about my passion and to realize that there would be a way to reach it after all. Anyone could do it. Why not me? My paradise is the pursuit.

Thanawat: REMINDER

View Comments (2)

  • ตามมาเที่ยวด้วยครับ เล่าเรื่องสนุกมาก ข้อมูลดี มีประโยชน์ ผมเคยไปเที่ยว Ba Be Lake มาแล้วเหมือนกัน พักโฮมเสตย์บ้านคนไต คุยกันรู้เรื่องน่ารักดีครับ ทะเลสาบ ก็โอเค นั่งชมธรรมชาติเพลิน ๆ ดีครับ ถ้ำก็นั่งเรือเข้าไปเหมือนกัน

    ขออนุญาตเก็บข้อมูลดี ๆ ไปรวบรวมไว้ในภาพที่ผมไปเที่ยวบ้างนะครับ...ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ครับ