REMINDING ME: Pyin Oo Lwin, Myanmar
เมืองพินอูลวิน ที่ยังมีเสน่ห์กลิ่นอายที่พักตากอากาศโคโลเนียลสมัยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ (คำจั่วหัวในหนังสือ Lonely planet) แต่ถ้าจะให้ว่ากันตามจริงถ้าต้องถ่อสังขารจากเมืองไทยเพื่อมาเที่ยวที่นี่โดยเฉพาะนั้นค่อนข้างจะทำให้ต้องรู้สึกอกหักได้เหมือนกัน
ตึกที่ว่าสวยงามอายุร้อยกว่าปีที่ดูโอ่อ่าโอเคอยู่มีเพียงหยิบมือนึง
ส่วนใหญ่จะอยู่แถวตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองที่เป็นป่า หรือที่ถนนรอบในแถวๆกลางเมือง หลายที่ก็ถูกดัดแปลงทุบสร้างใหม่หรือต่อเติมเพื่อให้ใช้งานได้จริงในชีวิตของมนุษย์ปัจจุบัน ที่ที่พอจะชื่นใจหน่อยก็เห็นจะมีเพียงโบสถ์กับโรงแรมที่เคยเป็นคลับของคนอังกฤษมาก่อนที่ยังดูเข้าทีเท่านั้นเอง หรือจะเป็น โรงเรียนป่าไม้ กรมสำรวจหรือตามสถานที่ราชการที่เราไม่สามารถเข้าไปเที่ยวเล่นได้ก็ยังพอมี
ส่วนสวนพฤษศาสตร์กันดอจี National Kandawgyi
ที่ก่อสร้งโดยแรงงานที่เป็นเฉลยชาวตุรกีสมัยสงครามโลกครั้งที่1 ก็เอิ่ม…ยังไงดี ต้นสนกับต้นโพธิ์ผสมผสานกันผนวกกับต้นไม้น้อยใหญ่ก็พอโอเค แต่ความหลากหลายเพื่อชื่นชมพืชพันธ์ไม้ดอกที่สวยงามนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่า ร้านขายต้นไม้ยังมีความหลากหลายให้ได้ชมมากกว่าเลย แต่ก็ใช่ว่าที่นี่จะไม่มีอะไรที่โดดเด่นน่าชื่นชมเลยเสียซะทีเดียว เมื่อเดินเข้าไปในส่วนที่เป็นป่าก็จะพบกับนกแปลกๆ ชะนี หรือนกเป็ดน้ำให้ได้เห็นกันบ้าง หรือถ้าใครมาในช่วงที่ต้นพญาเสือโคร่งออกดอกก็คงจะสวยเพราะก็เป็นทิวแถวยาว
ตลาดที่นี่นับว่ามีสีสันทั้งส่วนของตลาดกลางที่ใกล้กับหอนาฬิกาที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย หรือจะเป็นตลาดฉานที่มีขนาดเล็กกว่าแต่คนก็น่าเอ็นดูมากทีเดียว
รถม้าที่ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับบริการนักท่องเที่ยวมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ม้าที่นี่ดูสดใสไม่หดหู่เหมือนรถม้าที่เมืองอังวะ ที่ทำให้เรารู้สึกแย่จนไม่อยากใช้บริการรถม้าของที่นี่ทั้งที่ใจอยาก จึงใช้การเดิน ขี่จักรยานและเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่เอา
อาหารของที่นี่รถชาติค่อนข้างถูกปากและก็มีผักผลไม้ให้ได้ทานกันเยอะ และแยมอร่อยมากจริงๆทุกอย่างราคาไม่แพงเพราะวัตถุดิบเป็นของท้องถิ่นที่ไม่ต้องนำขนเดินทางเข้ามาเหมือนเมืองอื่นๆที่ค่อนข้างแห้งแล้ง
อากาศก็หนาวเย็นสบายดีจริงๆถ้าใครที่อยากจะมาเล่นๆขำก็นับว่าโอเคอยู่ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาแชร์แท็กซี่แล้วคิดที่จะกลับให้ทันโดยตรงไปที่สนามบินเลยนั้นจะไม่ค่อยมีนะครับต้องเหมากลับเพื่อให้ทันเวลาขึ้นเครื่อง และช่วงนี้มีการขยายถนนซึ่งจะมีการกั้นทางเพื่อให้เดินรถทีละฝั่ง ฝั่งละครึ่งชั่วโมงซึ่งทำให้การเดินทางที่ปกติแล้วน่าจะชั่วโมงครึ่งกลายเป็นเกือบสามชั่วโมงได้นะครับ
REMINDING YOU
การเดินทาง
แท็กซี่แชร์ สามารถเดินทางมาหรือกลับจาก มัณฑะเลย์ ให้โรงแรมที่เราพักโทรหาจัดการในเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเป็นช่วงเช้ามากๆมักจะไม่มีแท็กซี่แบบนี้ต้องเหมาไปเองในราคา K35000 ขึ้นไป
รถไฟ สามารถเดินทางมาจาก Mandalay มาลงที่นี่ได้ หรือบางคนจะนั่งขึ้นเหนือไปต่อ เพื่อที่จะชมสะพานทางรถไฟ GOKTEIK VIADUCT ที่สูงถึง 318ft หรือจะนั่งไปถึงเมือง Hsipaw เพื่อตามรอยสิ้นแสงฉาน กันก็ได้